ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิชาการด้านศาสนาอิสลามพิมพ์เผยแพร่หนังสือ เกี่ยวกับชุมชนอิสลามในสหรัฐเล่มใหม่


หนังสือเล่มใหม่เรื่อง “Journey into America: The Challenge of Islam” ชี้ถึงอคติต่าง ๆ ที่มีต่อศาสนาอิสลามและชาวอเมริกันมุสลิมซึ่งเป็นชุมชนส่วนน้อยแต่มีความสำคัญ

ทุกวันนี้ ในสหรัฐ มีประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่เกือบ 7 ล้านคน แต่ถึงอย่างนั้น ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับความศรัทธาเชื่อถือทางศาสนาอิสลามค่อนข้างน้อย ข่าวพาดหัวหลายข่าวทำให้คนจำนวนมากเห็นว่าศาสนานี้มีความเกี่ยวโยงกับความรุนแรง การไม่มีความอดกลั้นยอมรับผู้อื่น และการก่อการร้าย และสร้างความตึงเครียดระหว่างชาวมุสลิมกับคนที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม ด้วยเหตุนี้ อัคบาร์ อาเหม็ด (Akbar Ahmed) นักวิชาการทางศาสนาอิสลามที่มหาวิทยาลัย American University จึงนำคณะวิจัยรุ่นหนุ่มสาวออกเดินทางไปพบและศึกษาชุมชนมุสลิมทั้งหลายทั่วสหรัฐ

รายงานการศึกษาเรื่องนี้ออกเผยแพร่ในรูปวิดิทัศน์สารคดีและหนังสือ ชื่อเรื่อง “Journey into America: The Challenge of Islam”

ในช่วงเวลา 1 ปี ศาสตราจารย์อัคบาร์ อาเหม็ด นำคณะวิจัยเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐ 75 เมือง ไปเยี่ยมสุเหร่าโรงเรียนอิสลามและบ้านชาวมุสลิมมากกว่า 100 แห่ง คณะวิจัยนี้สัมภาษณ์ชาวอเมริกันมุสลิมเกือบ 2,000 คน โดยถามเกี่ยวกับประสบการณ์การอาศัยอยู่ในสหรัฐ และพบว่า การโจมตีก่อการร้ายในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2544 โดยข่ายก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิมนั้น ทำให้ชีวิตชาวมุสลิมในอเมริกายากลำบากขึ้น

อาจารย์อาเหม็ดกล่าวว่า ชาวอเมริกันมุสลิมทั่วไปถูกมองด้วยความเคลือบแคลงสงสัยและความเข้าใจผิด และยังมีความเห็นขัดแย้งบางอย่างภายในศาสนาอิสลามเองด้วย ดังนั้น จึงมีช่องว่างอยู่ทั้งหลังเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน และหลังจากนั้นอีกนานหลายปี

หนังสือของอัคบาร์ อาเหม็ดบรรยายว่า ชาวอเมริกันมุสลิมจำนวนมากระลึกถึงความพึงพอใจในเสรีภาพทางศาสนาที่พวกเขามีก่อนเหตุการณ์โจมตีก่อการร้ายในสหรัฐดังกล่าว แต่บรรยากาศนั้นเปลี่ยนไป และมีผลกระทบต่อแม้กระทั่งเด็กอเมริกันมุสลิมในโรงเรียนต่าง ๆ เขายกตัวอย่างเด็กชายวัย 10 ปีคนหนึ่งในนิวยอร์คผู้เล่าว่า เขาถูกทุบตีที่โรงเรียน เพราะเพื่อนนักเรียนเห็นว่า เขาเป็นพวกผู้ก่อการร้าย และเมื่อแม่ของเขาเดินทางไปปากีสถาน เธอเสียชีวิตเพราะรถโดยสารถูกพลพรรคทาลีบานวางระเบิด สำหรับกรณีเด็กชายผู้นี้ เขาถูกกดดันจากทั้งพลพรรคมุสสลิมแนวแข็งกร้าวและจากอคติที่ชาวมุสลิมในสหรัฐประสบอยู่

อย่างไรก็ตาม ชาวมุสลิมในอเมริการก็ยังคงมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในชีวิตที่พึงแสวงได้ในอเมริกา จำนวนมากทำงานอยู่ในวงการการแพทย์ วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และบางคนได้เป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ แตก็มีความท้าทายใหม่ ที่ชาวมุสลิมต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้คนอเมริกันที่ไม่ใช่มุสลิมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาอิสลามมากขึ้นและเพื่อตอบโต้สิ่งที่ชาวมุสลิมหลายคนเชื่อว่าเป็นการแสดงให้เห็นภาพที่ไม่ถูกต้องและทำให้เกิดความเข้าใจผิด ๆ ต่อศาสนาอิสลามในสื่อมวลชนในสหรัฐอยู่บ่อย ๆ

ด้วยความซาบซึ้งในการที่บรรดาผู้นำในการก่อร่างสร้างประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดรับคนทุกเชื้อชาติผิวพันธ์ ทุกความเชื่อถือศรัทธา ทุกศาสนาในโลก รวมทั้งอิสลาม ชาวอเมริกันมุสลิมมีแรงผลักดันแห่งความรักชาติอย่างลึกซึ้งในการพยายามที่จะลดช่องว่างนั้นลง

แต่ชาวมุสลิมยังมีความท้าทายที่ว่า เมื่อคนมองชุมชนที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ก็มักจะเห็นความเป็นเผด็จการ ความอยุติธรรม และการขาดความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ภาพที่น่าหดหู่นั้น ยิ่งทำให้เกิดอคติต่อศาสนาอิสลามแนวรุนแรงแข็งกร้าว

ในตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ ศาสตราจารย์อัคบาร์ อาเหม็ด กล่าวชี้ว่า อคติเหล่านี้อาจแก้ได้หากคนอเมริกันทั้งที่เป็นชาวมุสลิมและไม่ใช่ชาวมุสลิม จะหาจุดมุ่งหมายและผลประโยชน์ร่วมกันได้ในการทำให้สหรัฐมีสัมพันธภาพอันดีกับโลกมุสลิม ซึ่งรัฐบาลสหรัฐก็จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพลเมืองมุสลิมในสหรัฐเองก่อน

อัคบาร์ อาเหม็ด (Akbar Ahmed) นักวิชาการทางศาสนาอิสลามที่มหาวิทยาลัย American University กล่าวว่า ทางการสหรัฐจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมากในการทำงานร่วมกับชาวมุสลิม ขณะที่ชาวมุสลิมจำนวนราว 7 ล้านคนในสหรัฐนั้น เป็นชุมชนส่วนน้อยที่มีความสำคัญ

ศาสตราจารย์อัคบาร์ อาเหม็ดหวังว่า หนังสือเรื่อง “Journey into America: The Challenge of Islam” จะส่งเสริมให้ชาวอเมริกันมองเพื่อนร่วมชาติที่เป็นชาวมุสลิมด้วยสายตาใหม่และมีตวามเข้าใจกันมากขึ้น

XS
SM
MD
LG