ทีมนักวิทยาศาตร์ที่มหาวิทยาลัยทรินนิตี้ ในนครดับบลิน ประเทศไอร์แลนด์ เรียกตัวควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนี้ว่า โปรตีน ทีเม็ดเซเว่น (TMED7)
ในเซลที่ปกติและแข็งแรงดี โปรตีนตัวนี้จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้าสู่สภาพสงบ หลังจากที่ได้ปราบเชื้อแบคทีเรียในร่างกายได้สำเร็จ
คุณแอน แม็คเก็ททริค หนึ่งในสมาชิกทีมวิจัยที่ค้นพบโปรตีนทีเม็ดเซเว่น เปรียบเทียบระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายคนว่าเป็นเหมือนกับวงดนตรีออเคสตร้าที่มีเครื่องดนตรีหลายประเภท ส่วนโปรตีนทีเม็ดเซเว่นเป็นเหมือนหนึ่งในเครื่องดนตรีเหล่านั้น เธอบอกว่าโปรตีนทีเม็ดเซเว่นเป็นสมาชิกตัวแรกของกลุ่มโปรตีนที่เป็นตัวควบคุมสั่งการให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค
คุณแม็คเก็ททริค นักวิจัยกล่าวว่า การค้นพบโปรตีนตััวนี้สร้างความตื่นเต้นแก่ทีมงานมากเพราะช่วยให้เข้าใจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายคนเรามากขึ้น ว่าทำไมร่างกายแต่ละคนจึงตอบสนองไม่เหมือนกันต่อการติดเชื้อโรคชนิดเดียวกัน เธอบอกว่าหากร่างกายเราไม่มีโปรตีนทีเมดเซเว่นทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวเบรค ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานอย่างไร้การควบคุม และตอบสนองต่อการติดเชื้ออย่างรุนแรง
ในการทดลอง นักวิจัยได้ดึงโปรตีนชนิดนี้ออกจากเซลตัวอย่างแล้วเติมเชื้อโรคเข้าไปในเซล ปรากฏว่าระบบภูมิคุ้มกันในเซลทดลอง ตอบสนองแข็งขันมากต่อเชื้อโรคที่ได้รับ
ทีมวิจัยเชื่อว่าผลการทดลองนี้ จะเป็นผลดีต่อการพัฒนายารักษาโรคต่างๆ หรือ แม้แต่วัคซีนป้องกันโรค ด้วยการชะงักการทำงานของโปรตีนทีเมดเซเว่นในเซล
คุณแม็คเก็ททริค กล่าวว่า วัคซีนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้างแอนติบอดี้ในร่างกายหากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานอย่างแข็งขันเพราะไม่มีโปรตีนทีเมดเซเว่นคอยควบคุม
เธอบอกว่าทีมงานต้องการศึกษาต่อไปว่าการดึงเอาโปรตีนทีเมดเซเว่นออกจากเซลจะเป็นวิธีที่นำไปใช้ในการพัฒนาวัคซีนได้หรือไม่
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังทำการทดลองกับเซลปกติที่ยังมีโปรตีนทีเมดเซเว่น เพื่อดูการทำงานของโปรตีนตัวนี้เมื่อเซลได้รับเชื้อแบคทีเรีย
คุณแม็คเก็ททริก กล่าวว่า การทดลองพบว่าเมื่อเซลได้รับเชื้อโรค ระบบภูมิคุ้มกันในเซลเริ่มทำงานเพื่อกำจัดเชื้อโรคและเมื่อเชื้อโรคถูกกำจัดแล้ว โปรตีนทีเมดเซเว่นจะเริ่มทำหน้าที่ยุติการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อควบคุมระบบให้เข้าสู่ภาวะสงบ
นักวิจัย เชื่อว่า การเข้าใจการทำงานของโปรตีนทีเมดเซเว่นในระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนี้ อาจนำไปสู่หนทางรักษาคนไข้ที่ระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายเนื้อเยื่อในอวัยวะต่างๆของร่างกายในอนาคต
