ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิจัยเชื่อว่าอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในกลุ่มผู้ติดเชื้อHIVที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอาจจะมีสาเหตุจากการบำบัดโรคเอชไอวีแบบใหม่ที่ตัวยามีฤทธิ์แรงขึ้น


นักวิจัยเชื่อว่าอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในกลุ่มผู้ติดเชื้อHIVที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอาจจะมีสาเหตุจากการบำบัดโรคเอชไอวีแบบใหม่ที่ตัวยามีฤทธิ์แรงขึ้น
นักวิจัยเชื่อว่าอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในกลุ่มผู้ติดเชื้อHIVที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอาจจะมีสาเหตุจากการบำบัดโรคเอชไอวีแบบใหม่ที่ตัวยามีฤทธิ์แรงขึ้น

งานวิจัยชิ้นใหม่เกี่ยวกับภาวะเส้นเลือดอุดตันในสหรัฐพบว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อHIVมีอาการลิ่มเลือดในสมองเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยคาดว่าภาวะการอุดตันของหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้นจะมีความเกี่ยวพันกับการได้กระบวนการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีแบบใหม่ที่มีฤทธิ์ยาแรงขึ้น

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของนักวิจัย บรูซ โอวีอาห์กีเลย์ (Bruce Ovbiagele) และคณะนักวิจัยจาก University Of California วิทยาเขต San Diego หรือ UCSD ซึ่งศึกษาข้อมูลในบันทึกทางการแพทย์ที่รวบรวมไว้ตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1997 รวมแล้วกว่า 10 ปี พบว่าตลอดช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะพบจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดอุดตันที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของสหรัฐลดลงร้อยละ 7 แต่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีกลับมีผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดเพิ่มถึงเกือบถึงร้อยละ 60

นักวิทยาศาสตร์จาก UCSD ผู้นี้กล่าวว่า ตลอดสิบปีที่ผ่านมากลุ่มผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีมีอาการของโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดในอัตราที่สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ป่วยทั่วไปกลับมีอัตราที่ลดลง

อย่างไรก็ตามคุณโอวีอาห์กีเลย์ นักวิจัยที่เกิดในประเทศไนจีเรียผู้นี้ ระบุว่า แม้ข้อมูลที่ค้นพบจากการศึกษาอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงสาเหตุของอาการโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี แต่ก็เชื่อว่าความเกี่ยวพันกันในเรื่องนี้น่าจะมาจากการได้รับฤทธิ์ยาที่มากขึ้นจากการที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหันไปรับการบำบัดแบบใหม่ที่ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีหลายขนานพร้อมๆกัน หรือ เรียกย่อๆว่า “HAART”

นายโอวีอาห์กีเลย์ กล่าวว่า เป็นที่รู้กันว่ากระบวนการบำบัดที่เรียกว่า “HAART” นี้มีการแทรกซ้อนไปถึงระบบการเผาผลาญของร่ายกายซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงคลอเรสเตอรอลในร่างกายซึ่งผิดปกติที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีผลทำให้เกิดการสะสมไขมันจนทำให้อ้วนขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดทั้งสิ้น

การศึกษาครั้งนี้ยังให้คำแนะนำว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี และแพทย์ที่ทำการรักษา จะต้องระมัดระวังและดำเนินการในชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือด

นักวิทยาศาสตร์จาก UCSD ย้ำว่า การตรวจวัดความดันโลหิต และระดับคอเรสเตอรรอล จะต้องสม่ำเสมอและบ่อยๆครั้ง รวมทั้งมีการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่แพทย์และผู้ป่วยจะต้องระวังและพยายามตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดอาการเกี่ยวกับหลอดเลือดอุดตัน

อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้เป็นเพียงการศึกษาเฉพาะผู้ป่วยในสหรัฐเท่านั้น ซึ่งนักวิจัยไม่สามารถจะกล่าวได้ว่าลักษณะที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศอื่นหรือไม่ แต่ก็สามารถติดตามอ่านเอกสารการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ผ่านวารสารออนไลน์ด้านประสาทวิทยา หรือ Journal Of Neurology

XS
SM
MD
LG