แนวทางใหม่เพื่อป้องกันการอักเสบหลังเกิดอาการเส้นโลหิตเลี้ยงสมองอุดตันหรือ Stroke

อาการ Stroke เกิดจากเส้นโลหิตเลี้ยงสมองเกิดการอุดตัน ส่งผลให้ก๊าซออกซิเจนและสารอาหารต่างๆไปไม่ถึงเนื้อเยื่อในสมองจนทำให้เนื้อเยื่อสมองตายในเวลาไม่นาน Stroke คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชากรโลกเสียชีวิตหรือทุพพลภาพมากที่สุด ในแต่ละปีคาดว่ามีประชากรโลกเกิดอาการ Stroke ราว 15 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 5 ล้านคนเสียชีวิต และอีก 1 ใน 3 กลายเป็นคนทุพพลภาพอย่างถาวร

แนวทางหนึ่งที่นำมาใช้รักษาอาการ Stroke คือการสลายลิ่มเลือดในหลอดเลือดหรือเรียกว่าวิธี Tissue Plasminogen Activator หรือ tPA แต่จะใช้ได้ผลเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาภายในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ stroke เท่านั้น นอกจากนี้ tPA ยังใช้ไม่ได้ผลกับอาการ Stroke ในระยะต่อมา คือการที่เซลล์ภูมิคุ้มกันพยายามเร่งเข้าไปปกป้องสมองแต่กลับเป็นผลให้เกิดอาการอักเสบหรือบาดเจ็บซึ่งเป็นอันตรายมากกว่าอาการที่เกิดขึ้นในตอนแรกถึง 2 เท่า

นายแพทย์ Gary Steinberg ผอ.ศูนย์โรคประสาทของมหาวิทยาลัย Stanford คือผู้ร่วมจัดทำรายงานที่อธิบายถึงแนวทางใหม่ในการป้องกันไม่ให้สมองถูกทำลายจากอาการอักเสบ โดยเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว นายแพทย์ Steinberg และเพื่อนร่วมงานค้นพบโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติชื่อว่า alpha-beta-crystallin ซึ่งสามารถช่วยลดอาการสมองอักเสบของผู้ป่วยโรคสมองตายด้านได้

นายแพทย์ Steinberg ชี้ว่าหลังจากทดสอบโปรตีน alpha-beta-crystallin กับหนูทดลอง พบว่าสามารถปกป้องไม่ให้สมองของหนูถูกทำลายจากอาการอักเสบที่เกิดจาก stroke ได้จริง ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าโปรตีนดังกล่าวอาจนำมาใช้กับมนุษย์ได้เช่นกัน

ผอ.ศูนย์โรคประสาทของมหาวิทยาลัย Stanford ยังระบุด้วยว่าวิธีใหม่นี้อาจใช้ได้ผลแม้อาการ stroke เกิดขึ้นไปแล้วอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหรืออาจนานกว่านั้น อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการทดลองกับสัตว์มากกว่านี้ก่อนที่จะนำมาทดลองกับมนุษย์

สำหรับรายงานเรื่องแนวทางใหม่ในการรักษาอาการเส้นโลหิตเลี้ยงสมองอุดตันหรือ stroke นี้ ตีพิมพ์อยู่ในวารสารออนไลน์ “ Proceedings of the National Academy of Sciences”