นายกรัฐมนตรีลักเซมเบริ์ก นายฌอง-คล้อด จังเคอร์ ประกาศความสำเร็จเรื่องข้อตกลงมอบเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ให้กับกรีซ ระหว่างการประชุมแถลงข่าวที่กรุงบรัสเซลล์ในช่วงเช้าวันอังคารที่ 21 ก.พ โดยระบุว่าข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยนำทางไปสู่การลดภาระหนี้ของกรีซครั้งใหญ่ และยังถือเป็นก้าวแรกสู่การจัดตั้งกองทุนให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินอีก
ตามข้อตกลงชุดใหม่กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือมูลค่า 172,000 ล้านดอลล่าร์เพื่อใช้ชำระหนี้ให้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งถือเป็นการปกป้องสมาชิกกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรหรือยูโรโซนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ โดยภายใต้เงื่อนไขการรับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่นี้ กรีซจะต้องลดสัดส่วนภาระหนี้ต่อมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ลงเหลือประมาณ 120% ภายในปี ค.ศ 2020 จากระดับ 160% ในปัจจุบัน
และเพื่อจะลดภาระหนี้ดังกล่าว ภาคเอกชนได้แก่ธนาคารและนักลงทุนที่เป็นเจ้าหนี้ของกรีซต้องยอมขาดทุนกว่า 53.5% จากพันธบัตรรัฐบัตรกรีซ ในขณะเดียวกันรัฐบาลกรีซต้องนำมาตรการลดค่าใช้จ่ายมาใช้ซึ่งรวมถึงการลดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำลง 22% และ 32% สำหรับแรงงานที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ตัดตำแหน่งงานภาครัฐ 15,000 ตำแหน่งภายในเวลา 1 ปี และจ้างข้าราชการใหม่เพียง 1 คนสำหรับข้าราชการที่เกษียณอายุ 5 คน
นายกรัฐมนตรีกรีซ นายลูคัส ปาปาเดโมส กล่าวว่าการเจรจาข้อตกลงชุดนี้สำเร็จลุล่วงทันเวลาอย่างที่รัฐบาลให้สัญญาไว้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนกรีซทุกคน แม้ว่ามาตรการลดค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผ่านการรับรองไปแล้วก่อนหน้านี้ได้ก่อให้เกิดการประท้วงและความวุ่นวายตามมาหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF นางคริสทีน ลาการ์ด กล่าวยกย่องข้อตกลงชุดใหม่ว่าจะช่วยพลิกสถานการณ์เศรษฐกิจของกรีซได้ และว่าข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยให้กรีซฟื้นฟูความสามารถทางการแข่งขันเพื่อจัดการปัญหาหนี้ในระยะยาว และกลับสู่เส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็น
IMF มีแผนจะหารือเรื่องมาตรการช่วยเหลือกรีซอีกครั้งในเดือนหน้า เช่นเดียวกับบรรดาผู้นำของยุโรปที่จะหารือกันเรื่องการจัดตั้งกองทุนความช่วยเหลือทางการเงินของยุโรปในเดือนมีนาคมเช่นกัน
