รายงานการศึกษากลุ่มเด็กหญิงวัยรุ่นที่ยากจนในแอฟริกาใต้ กล่าวว่าจะลดโอกาสความเสี่ยงที่เด็กหญิงเหล่านี้จะติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรค AIDS ได้ ถ้ารัฐบาลให้เงินอุดหนุนเด็กหญิงเหล่านี้จำนวนเล็กน้อยเป็นประจำทุกเดือน
อาจารย์ Lucie Cluver แห่งมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษ และมหาวิทยาลัย Cape Town ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักวิจัยบอกว่า ราวๆ 25% ของเด็กหญิงในกลุ่มตัวอย่างไม่มีอาหารพอรับประทานในครอบครัวอย่างน้อยสองวันในช่วงสัปดาห์ก่อนการสอบถาม ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นจริงที่ว่า ทั่วทั้งแอฟริกาตอนใต้นั้น เด็กหญิงวัยรุ่นเป็นจำนวนมากตกอยู่ในสภาพยากจน
ปัญหาที่เด็กหญิงเหล่านี้ประสบตลอดเวลา นอกเหนือไปจากความหิวโหยแล้ว คือ ผู้ชายอายุมาก ที่ร่ำรวยและชอบเด็กผู้หญิง ภาษาอังกฤษมีศัพท์เรียกว่า ‘Sugar Daddies’ หรือศัพท์ไทยอาจจะเรียกว่า ‘ป๋า’
อาจารย์ Lucie ซึ่งเคยทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์มาก่อน บอกว่า เหตุผลสำคัญที่เด็กหญิงยากจนเหล่านี้มองหา ‘ป๋า’ ก็เพราะไม่มีเงินเสียค่าเล่าเรียนและซื้ออาหารให้ครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บไข้ได้ป่วย เด็กผู้ชายไม่ต้องรับภาระอย่างนี้
นักวิจัยผู้นี้บอกว่า เป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน หรือลัทธินิยมทุน ซี่งมีผู้ชายมีอายุ มีเงินสด ที่แสวงหาเด็กหญิง ที่น่าสังเกตก็คือ ไม่มีสถานการณ์กลับกัน กล่าวคือ ไม่มีผู้หญิงมีอายุ มีเงินที่มองหาเด็กผู้ชาย
รายงานการศึกษานี้สัมภาษณ์เด็กหญิงชาวแอฟริกาใต้มากกว่า 3,500 คน ซึ่งมีอายุโดยเฉลี่ยประมาณ 14 ขวบ
อาจารย์ Lucie Cluver บอกว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้มีโครงการให้เงินอุดหนุนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เดือนละ 35 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ หนึ่งพันบาท จำนวนเด็กในโครงการมีประมาณ 11 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีโครงการให้เงินอุดหนุนเด็กกำพร้าอีกราวๆหกแสนคนด้วย แต่ยังมีเด็กนอกโครงการอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเดียวกันนี้
มีการศึกษาเรื่องเดียวกันนี้ในประเทศ Malawi และ Tanzania ด้วย และผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า เงินอุดหนุนจำนวนเล็กน้อยเป็นประจำทุกเดือนให้ผลในเชิงบวก กล่าวคือ ใน Malawi มีเด็กหญิงติดเชื้อ HIV ในอัตราที่ลดน้อยลง เหตุผลสำคัญตามที่นักวิจัยระบุไว้ คือการที่เด็กหญิงเหล่านี้หันมาออกเดทกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสจะเป็นโรค AIDS หรือมีเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็น AIDS น้อยกว่าผู้ชายมีอายุ
แต่นักวิจัย Lucie Cluver เตือนว่า ระบบให้เงินอุดหนุนนี้มีผลกระทบในเชิงลบด้วย เพราะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงด้านอื่นๆให้กับเด็กหญิง เช่นความเป็นไปได้ที่จะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ปกป้องตนเอง หรือในยามมึนเมา และก็ไม่ได้ช่วยป้องกันเด็กผู้ชายจากความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV
ปัญหาอีกอันหนึ่งคือภาพลักษณ์เกี่ยวกับเด็กผู้หญิง คนทั่วไปมักจะมองการที่เด็กหญิงมี ‘ป๋า’ เป็นความสมัครใจเพราะได้ของใช้ต่างๆ เช่น เครื่องแต่งตัว เครื่องสำอาง โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของฟุ่มเฟือยอื่นๆ
อาจารย์ Lucie Cluver แห่งมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษ และมหาวิทยาลัย Cape Town ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักวิจัยบอกว่า ราวๆ 25% ของเด็กหญิงในกลุ่มตัวอย่างไม่มีอาหารพอรับประทานในครอบครัวอย่างน้อยสองวันในช่วงสัปดาห์ก่อนการสอบถาม ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นจริงที่ว่า ทั่วทั้งแอฟริกาตอนใต้นั้น เด็กหญิงวัยรุ่นเป็นจำนวนมากตกอยู่ในสภาพยากจน
ปัญหาที่เด็กหญิงเหล่านี้ประสบตลอดเวลา นอกเหนือไปจากความหิวโหยแล้ว คือ ผู้ชายอายุมาก ที่ร่ำรวยและชอบเด็กผู้หญิง ภาษาอังกฤษมีศัพท์เรียกว่า ‘Sugar Daddies’ หรือศัพท์ไทยอาจจะเรียกว่า ‘ป๋า’
อาจารย์ Lucie ซึ่งเคยทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์มาก่อน บอกว่า เหตุผลสำคัญที่เด็กหญิงยากจนเหล่านี้มองหา ‘ป๋า’ ก็เพราะไม่มีเงินเสียค่าเล่าเรียนและซื้ออาหารให้ครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บไข้ได้ป่วย เด็กผู้ชายไม่ต้องรับภาระอย่างนี้
นักวิจัยผู้นี้บอกว่า เป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน หรือลัทธินิยมทุน ซี่งมีผู้ชายมีอายุ มีเงินสด ที่แสวงหาเด็กหญิง ที่น่าสังเกตก็คือ ไม่มีสถานการณ์กลับกัน กล่าวคือ ไม่มีผู้หญิงมีอายุ มีเงินที่มองหาเด็กผู้ชาย
รายงานการศึกษานี้สัมภาษณ์เด็กหญิงชาวแอฟริกาใต้มากกว่า 3,500 คน ซึ่งมีอายุโดยเฉลี่ยประมาณ 14 ขวบ
อาจารย์ Lucie Cluver บอกว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้มีโครงการให้เงินอุดหนุนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เดือนละ 35 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ หนึ่งพันบาท จำนวนเด็กในโครงการมีประมาณ 11 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีโครงการให้เงินอุดหนุนเด็กกำพร้าอีกราวๆหกแสนคนด้วย แต่ยังมีเด็กนอกโครงการอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเดียวกันนี้
มีการศึกษาเรื่องเดียวกันนี้ในประเทศ Malawi และ Tanzania ด้วย และผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า เงินอุดหนุนจำนวนเล็กน้อยเป็นประจำทุกเดือนให้ผลในเชิงบวก กล่าวคือ ใน Malawi มีเด็กหญิงติดเชื้อ HIV ในอัตราที่ลดน้อยลง เหตุผลสำคัญตามที่นักวิจัยระบุไว้ คือการที่เด็กหญิงเหล่านี้หันมาออกเดทกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสจะเป็นโรค AIDS หรือมีเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็น AIDS น้อยกว่าผู้ชายมีอายุ
แต่นักวิจัย Lucie Cluver เตือนว่า ระบบให้เงินอุดหนุนนี้มีผลกระทบในเชิงลบด้วย เพราะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงด้านอื่นๆให้กับเด็กหญิง เช่นความเป็นไปได้ที่จะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ปกป้องตนเอง หรือในยามมึนเมา และก็ไม่ได้ช่วยป้องกันเด็กผู้ชายจากความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV
ปัญหาอีกอันหนึ่งคือภาพลักษณ์เกี่ยวกับเด็กผู้หญิง คนทั่วไปมักจะมองการที่เด็กหญิงมี ‘ป๋า’ เป็นความสมัครใจเพราะได้ของใช้ต่างๆ เช่น เครื่องแต่งตัว เครื่องสำอาง โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของฟุ่มเฟือยอื่นๆ