ในขณะที่วิกฤตการณ์หนี้ในยุโรปกำลังสร้างความกังวลไปทั่วโลก นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่าการประชุมสุดยอดกลุ่ม G-20 ในสัปดาห์นี้ที่เมืองคานส์-ฝรั่งเศส มีเรื่องให้ต้องถกเถียงเผชิญหน้ามากมายหลายประเด็น
คุณ Stephanie Rickard แห่ง London School of Economics เชื่อว่าภายในห้องประชุมแบบปิดนั้นจะมีการหารืออย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาและน่าหนักใจ เกี่ยวกับรายละเอียดของแผนกอบกู้วิกฤติการณ์หนี้ของประเทศในยุโรป เช่นเงินช่วยเหลือจะมาจากไหน? หรือแผนจะได้ผลหรือเปล่า? แต่เมื่อออกมาจากห้องประชุมแล้วภาพที่จะแสดงออกมาให้เห็นคือความสามัคคี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแผนกู้วิกฤติของกลุ่มยูโรโซน
ประธานาธิบดีสหรัฐ Barack Obama จะเดินทางไปร่วมประชุมกลุ่ม G-20 ครั้งนี้ด้วยโดยคาดว่าประเด็นเรื่องปัญหาเศรษกิจและอัตราการว่างงานสูงในสหรัฐอาจถูกหยิบยกมาหารือเช่นกัน นอกจากนี้ภารกิจสำคัญประการหนึ่งของประธานาธิบดี Obamaในการประชุมกลุ่ม G-20 ครั้งนี้คือการผลักดันสินค้าส่งออกจากสหรัฐให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น รวมทั้งเรื่องการกดดันให้จีนผ่อนคลายการควบคุมค่าเงินหยวนซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างประเทศที่เรื้อรังมานานหลายปี
ในอีกด้านหนึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าบรรดาผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมกลุ่ม G-20 อาจขอความช่วยเหลือจากประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตเช่นจีนเพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์หนี้ในยุโรป คุณ Tobias Blattner แห่ง Daiwa Capital Markets ชี้ว่าสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในการประชุม G-20 ครั้งนี้คือคำมั่นสัญญาจากประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต ว่าจะให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่ประเทศที่กำลังประสบปัญหาการเงินในยุโรป
ด้านคุณ Stephanie Rickard แห่ง London School of Economics ระบุว่าเวลานี้จีนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ และมีอำนาจทางการเงินที่สามารถช่วยกอบกู้สถานะการเงินของประเทศในกลุ่มยูโรโซนได้ แต่แน่นอนว่าจีนก็ต้องการข้อแลกเปลี่ยนเช่นกัน นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่าสิ่งที่จีนต้องการก็คือการโอนอ่อนผ่อนผันในเรื่องค่าเงินหยวน รวมถึงการยกระดับให้จีนมีอำนาจต่อรองมากขึ้นบนเวทีการค้าโลก
ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อกันว่าเวทีการประชุมกลุ่ม G-20 ครั้งนี้คือโอกาสอันดีที่จะหารือรายละเอียดและข้อสรุปของแผนกอบกู้วิกฤติการณ์หนี้ของประเทศในยุโรป ซึ่งหากไม่สำเร็จ เศรษฐกิจโลกก็อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้อีกครั้ง