ในขณะที่ยุโรปรอฟังผลการประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นปลายสัปดาห์นี้ ว่าบรรดาผู้นำของชาติภาคีสหภาพยุโรป หรือที่เรียกกันว่า EU จะทำความตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินของหลายประเทศที่อยู่ในเขตเงินยูโรได้อย่างไร หรือไม่นั้น คนฝรั่งเศสหันไปให้ความสนใจกับ “นโปเลียน” ซึ่งเป็นเหรียญทองคำ สำหรับการลงทุนแทนการซื้อหุ้นหรือพันธบัตร
การจราจรในถนน Vivienne ใจกลางกรุงปารีสคึกคักทีเดียว โดยเฉพาะตามร้านขายของเก่าที่ขายเหรียญทองคำ ซึ่งเรียกกันง่ายๆว่า “นโปเลียน” ด้วย ร้านของ Michel Prieur เชี่ยวชาญทางด้านเหรียญ “นโปเลียน” โดยเฉพาะ
คุณ Michel บอกว่า ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นสี่ถึงห้าเท่าตัว โดยเริ่มต้นกันที่ออนซ์ละ 280 เหรียญดอลล่าร์ และตอนนี้สูงถึง 1,700 เหรียญแล้ว และว่าตามความเห็นของเขานั้น ทองคำไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่าของเงินตกลง
เมื่อสหรัฐ ญี่ปุ่น และอังกฤษประสบวิกฤติการณ์ทางการเงิน ทั้งสามประเทศอาศัยมาตรการที่เรียกกันว่า “quantitative easing” หรือการที่ธนาคารกลางของประเทศซื้อพันธบัตรรัฐบาล เป็นการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ และกระตุ้นหนุนให้มีการกู้ยืมเงินได้มากขึ้น เป็นการแก้ปัญหา แต่คุณ Michel บอกว่า ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร ก็คือการพิมพ์ธนบัตรขึ้นมานั่นเอง ไม่ใช่การเพิ่มค่าที่แท้จริงของเงิน ส่วนทองคำนั้น พิมพ์กันขึ้นมาเองไม่ได้แน่ๆ
ไม่ว่าผู้นำของชาติภาคี EU จะทำความตกลงกันได้หรือไม่ คุณ Michel พ่อค้าเหรียญทองคำในกรุงปารีสบอกว่า ภาระหนี้สินอย่างหนักที่หลายประเทศในเขตเงินยูโรกำลังประสบอยู่นั้น จะคลี่คลายลดลงได้ในสักสามหรือห้าปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่า อำนาจซื้อของพวกเราจะลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ หรือจะมองว่าเป็นผลของภาวะเงินเฟ้อก็ได้ รัฐบาลทุกยุคสมัยใช้วิธีนี้แก้ปัญหามาตลอด
และที่ย่าน Champs Elysees ซึ่งเป็นย่านหรูหราของกรุงปารีส แม้จะมีแสงสีของเทศกาลคริสต์มาสประดับประดาไปทั่ว แต่ผู้คนยังวิตกกังวลเรื่องปากท้อง มากกว่าจะชื่นชมกับบรรยากาศ
คุณผู้หญิงชาวกรุงปารีสคนหนึ่งบอกว่า ราคาปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการยังชีพเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา รวมทั้งค่าโดยสารรถประจำทาง ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับพ่อค้าเหรียญทองคำที่จะตอกย้ำให้ฟังว่า ถ้าอยากจะหาซื้อของขวัญวันคริสต์มาสแล้วละก็ การลงทุนกับเหรียญ “นโปเลียน” อาจจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดก็ได้
