ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิจัยในสหรัฐชี้ว่าน้ำมันปลาเสริมที่ขายในสหรัฐหลายยี่ห้อมีระดับกรดไขมัน omega-3 ต่ำกว่าที่อ้างบนฉลาก


ผลการศึกษาเกี่ยวกับน้ำมันปลาเสริมชิ้นล่าสุดชี้ว่าผู้บริโภคอาจได้รับปริมาณกรดไขมัน omega-3 ในน้ำมันปลาน้อยกว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปเพราะน้ำมันปลาบางยี่ห้อมีราคาแพงแต่มีปริมาณกรดไขมันต่ำกว่าที่อ้างไว้บนฉลาก

การวิจัยชิ้นใหม่โดยบริษัท LabDoor วิเคราะห์น้ำมันปลาเสริมยี่ห้อดังในสหรัฐ 30 ยี่ห้อด้วยกันเพื่อวัดดูระดับกรดไขมัน omega-3 บริษัทวิจัยพบว่ามีน้ำมันปลาเสริมอย่างน้อย 6 ยี่ห้อที่มีปริมาณกรดไขมันชนิดนี้โดยเฉลี่ยต่ำกว่าระดับที่ระบุไว้บนฉลากถึง 30 สิบเปอร์เซ็นต์

การวิจัยนี้พบปัญหาเพิ่มขึ้นหลังจากแยกวัดระดับกรดไขมัน omega-3 สองชนิดเป็นการเฉพาะคือกรดไขมัน DHA กับกรดไขมัน EPA ผลการวิเคราะห์นี้พบว่าน้ำมันปลาเสริมมากกว่า 10 ยี่ห้อมีระดับกรดไขมัน DHA โดยเฉลี่ยต่ำกว่าปริมาณที่ระบุไวับนฉลากถึง 14 เปอร์เซ็นต์และบางยี่ห้อไม่ระบุปริมาณกรดไขมัน EPA ไว้บนฉลากเลย

วารสารธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมในสหรัฐรายงานว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาเสริมมียอดขายทั่วสหรัฐประมาณ 1 พัน 2 ร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ทำให้กลายเป็นอาหารเสริมยอดนิยมอันดับหนึ่งในประเทศแต่กลับไม่มีมาตรการควบคุม บริษัทอาหารเสริมในสหรัฐไม่ต้องจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ของตนกับสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐ ไม่ต้องมีหลักฐานยืนยันว่าน้ำมันปลาเสริมทั้งในรูปเม็ดและน้ำมีปริมาณกรดไขมัน omega-3s ตรงตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก

บรรดานักวิจัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐต่างชี้ว่าการติดฉลากไม่ตรงกับความเป็นจริงเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพในสหรัฐ

มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่าการบริโภคปลาเป็นประจำช่วยป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซม์เมอร์สกับโรคเรื้อรังอื่นๆ

สมาคมหัวใจอเมริกันเเนะนำว่าชาวอเมริกันควรรับประทานปลาที่มีกรดไขมัน omega-3 สูงสัปดาห์ละสองครั้งและยังชี้ว่ามีการศึกษาหลายชิ้นที่ยืนยันว่าน้ำมันปลาเสริมช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายในคนที่เป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด

Dr. Joseph C. Maroon นักประสาทวิทยาที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยPittsburgh กล่าวว่ากรดไขมัน omega-3 เสริมเป็นหนึ่งในบรรดาอาหารเสริมสำคัญชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปควรรับประทานเพราะเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายส่วนรวมทั้งสุขภาพของสมองและระบบประสาทด้วย

อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงประโยชน์ของการรับประทานน้ำมันปลาเสริม มีการศึกษาบางชิ้นในสหรัฐที่ชี้ว่าการรับประทานน้ำมันปลาเสริมในปริมาณมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะที่การศึกษาบางชิ้นชี้ว่ากรดไขมัน omega-3 ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดต่อผู้ป่วยที่มีประวัติว่าเป็นโรคหัวใจ

ทางด้านหน่วยงานเอกชนไม่หวังผลกำไร Rock Health ชี้ว่าผลการวิเคราะห์ระดับสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนในน้ำมันปลาเสริมหลายยี่ห้อพบว่าทุกยี่ห้อที่ศึกษามีระดับสารปรอทตั้งแต่ 1 – 6 ส่วนต่อหนึ่งพันล้านส่วนต่อปริมาณน้ำมันปลาที่ต้องกินในหนึ่งมื้อซึ่งเป็นปริมาณที่ปลอดภัยเพราะมีสารปรอทต่ำกว่าปริมาณอันตรายอย่างมาก

ด้านคุณ Philip Gregory บรรณาธิการแห่ง Natural Medicines Comprehensive Database ที่ทำการประเมินอาหารเสริมชนิดต่างๆในสหรัฐกล่าวว่าข้อมูลนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคเพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าควรจะไปหาซื้อน้ำมันปลาเสริมมารับประทานดีหรือไม่
XS
SM
MD
LG