นักวิทยาศาสตร์ชี้ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ “ลานิญญา” [La Nina] ในอีกซีกโลกหนึ่งและปรากฏการณ์ที่เป็นผลจากมนุษย์เป็นสาเหตุของภัยแล้งในภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกา
ปรากฏการณ์ธรรมชาติด้านสภาพภูมิอากาศที่เรียกว่า “La Nina” นั้นเกิดขึ้นเมื่อน้ำในมหาสมุทณแปซิฟิคบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร เย็นตัวลงกว่าระดับปกติ ทำให้เกิดระลอกความเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิของมหาสมุทร และในกระแสลมติดตามมา แล้วส่งผลออกไปทั่วโลก
La Nina ล่าสุดเริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้กระแสลมในสหรัฐผลักดันความชื้นออกไปจากภาคใต้ และทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งขึ้นมาอย่างอย่างร้ายแรง และยยังเรื้อรังอยู่ และทำให้เกิดน่ำท่วมในภาคเหนือ
ขณะเดียวกันรูปแบบของสภาพอากาศห่างออกไปครึ่งโลกก็ถูกกระทบกระเทือนไปด้วย นักวิทยาศาสตร์ที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐกล่าวว่า ลมตะวันออกที่น่าจะนำความชื้นไปยังภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกาลดลง เมื่อความชื้นน้อยลง ฝนก็ตกน้อยลง ฝนที่ควรตกในโซมาเลีย ภาคใต้ของเอธิโอเปีย และภาคเหนือของเคนยา ก็ไม่ตก ทำให้เกิดความแห้งแล้งหนัก
ปรากฏการณ์ La Nina ซึ่งเกี่ยงโยงกับปรากฏการณ์ เอล นินโญ [El Nino] ในหน้าหนาว เกิดขึ้นเป็นวงจรธรรมชาติทุก ๆ 3 – 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่มีสาเหตุจากสภาวะที่มนุษย์ก่อให้เกิดขึ้น อย่าง ไอเสียรถยนต์ และจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดสภาวะแบบในเรือนกระจกปลูกพืชหรือภาวะโลกร้อนด้วย