ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รายงานธนาคารโลกกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตในอัตรา 2.4 % ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดไว้ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม


รายงานธนาคารโลกกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตในอัตรา 2.4 % ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดไว้ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม
รายงานธนาคารโลกกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตในอัตรา 2.4 % ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดไว้ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วม

รายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา กล่าวว่า อุทกภัยที่เกิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งผลกระทบหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เวียตนาม และฟิลิปปินส์นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุปทานสำหรับการผลิต หรือ Supply Chain Production และว่า การฟื้นฟูบูรณะจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์สำหรับสินค้า เช่น รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค

รายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา กล่าวว่า อุทกภัยที่เกิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งผลกระทบหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เวียตนาม และฟิลิปปินส์นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุปทานสำหรับการผลิต หรือ Supply Chain Production และว่า การฟื้นฟูบูรณะจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์สำหรับสินค้า เช่น รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค


รายงานของธนาคารโลกกล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออก จะยังคงดำเนินอย่างแข็งขันต่อไปในปี ค.ศ. 2012 โดยมีจีนเป็นผู้นำ

ธนาคารโลกคาดว่า อัตราการโตทางเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคสำหรับปีนี้ จะอยู่ในระดับ 8.2% และ 7.8% ในปีหน้า

ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกยอมรับว่า วิกฤติการณ์หนี้ของยุโรปและการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกอย่างแน่นอน

แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งทำให้จีนนำเข้าสินค้าผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น จะช่วยผู้ส่งออกในภูมิภาคได้มาก

ส่วนอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กัมพูชา เวียตนาม และฟิลิปปินส์นั้น ทำให้ธนาคารโลกลดอัตราการโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลงครึ่งหนึ่ง มาอยู่ที่ 2.4%

คุณถนอมศรี ฟองอรุณรุ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของภัทรหลักทรัพย์ บอกกับผู้สื่อข่าวของ Voice of America ว่า เศรษบกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในปีหน้า แต่ที่สำคัญ คือรัฐบาลไทยจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วยแผนการจัดการกับอุทกภัยที่ดี

นักเศรษฐศาสตร์ของภัทรหลักทรัพย์ กล่าวว่า อุทกภัยอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติลังเลที่จะขยายการลงทุน เพราะจะต้องคิดกันให้รอบคอบ อาจต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้นว่า จะขยายการลงทุนในประเทศไทย หรือไม่ ประเด็นสำคัญ คือ พวกนักลงทุนจะจับตาดูแผนระยะยาวของรัฐบาลสำหรับการป้องกันหายนะภัยอย่างใกล้ชิด

และแม้เจ้าของโรงงานบางรายอาจจะอยากกลับไปเปิดโรงงาน เริ่มการผลิตในประเทสไทยต่อไปอีก ก็มีหลายรายที่เตือนรัฐบาลว่า จะต้องรับประกันว่า จะไม่มีเหตุการณ์อย่างในกรณีน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดซ้ำได้อีก และก็มีหลายรายที่กำลังคิดว่า จะโยกย้ายโรงงานไปที่อื่นในภูมิภาค ถ้าจำเป็น

แต่อาจารย์ William Case ของ City University ของฮ่องกง กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะกู้ชื่อเสียงสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศได้ หลังน้ำท่วม

นักวิชาการของ City University ในฮ่องกงผู้นี้ กล่าวว่า มีหลายเหตุผลที่ประเทศไทยจะยังคงรักษาชื่อเสียงของการเป็นศูนย์กลางการผลิตได้ เช่น การตัดสินใจที่มีคุณภาพ การตอบรับการลงทุนจากต่างประเทศ แรงงานที่มีความเต็มใจและมีความสามารถ และวัฒนธรรมที่เปิดกว้างยอมรับสิ่งใหม่ๆ

ทั้งหมดนี้ ทำให้อาจารย์ William Case เชื่อว่า ประเทศไทยจะฟื้นฟูบูรณะเศรษฐกิจกลับขึ้นมาได้ในไม่ช้า

XS
SM
MD
LG