มะเร็งในปอดจากการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก โดยจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ปีละกว่าห้าล้านคน แต่ผลการศึกษาใหม่ที่ทำในกลุ่มผู้สูบบุหรี่หรือผู้ที่เคยสูบบุหรี่ราว 53,000 คน ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ หรือ National Cancer Institute ของสหรัฐ แสดงว่า การตรวจปอดด้วยวิธี CT Scan ซึ่งให้ภาพสามมิติเมื่อเทียบกับการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ปอดธรรมดา สามารถตรวจพบการก่อตัวของเซลมะเร็งในระยะเริ่มแรก และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ลงได้ราว 20 %
อย่างไรก็ตามการใช้วิธี CT Scan นี้มีค่าใช้จ่ายสูง และแม้กระทั่งในสหรัฐเองก็ไม่ได้ครอบคลุมอยู่ในโครงการประกันสุขภาพ ปัญหาอีกอย่างของการตรวจด้วย CT Scan ก็คือ แม้จะใช้ CT Scan แบบที่แผ่รังสีในระดับต่ำ แต่ปริมาณรังสีที่ผู้รับการตรวจได้รับก็ยังสูงกว่าการเอ็กซเรย์ปอดโดยทั่วไปถึง 15 เท่าตัว นอกจากนั้นแล้วเทคนิค CT Scan อาจจะแสดงผลที่ผิดพลาด หรือ false positives ได้สูงถึง 25 % ด้วย ซึ่งจะทำให้ต้องมีการตรวจซ้ำใหม่ หรือต้องมีการผ่าตัดเพื่อนำตัวอย่างเซลออกมาตรวจโดยไม่จำเป็น
ความกังวลอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับการใช้ CT Scan ก็คือ นักสูบบุหรี่อาจจะนิ่งนอนใจไม่อยากเลิกบุหรี่ ถ้าคิดว่าวิธีนี้จะช่วยให้ตรวจพบเซลมะเร็งในปอดของตนได้แต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม พญ. Claudine Isaacs ผู้เขี่ยวชาญด้านมะเร็งของมหาวิทยาลัย Georgetown ที่กรุงวอชิงตันเชื่อว่า ผลการศึกษาเรื่องนี้จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้นเรื่องการไม่สูบบุหรี่ และว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลดปัญหามะเร็งในปอดและการเสียชีวิตจากโรคนี้นั้น คือการไม่ริสูบบุหรี่ หรือการเลิกสูบบุหรี่โดยเร็ว
