ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สหประชาชาติชี้ว่าภาวะโลกร้อนจะกระทบต่อภาคธุรกิจทั่วโลก


องค์การสหประชาชาติรายงานว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงหลายครั้งรวมทั้งระดับอุุณหภูมิที่ร้อนขึ้นซึ่งเกี่ยวโยงกับภาวะโลกร้อนกับการแก่งแย่งกันเพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในอนาคต

นิค นัททอล เป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งโครงการสิ่งเเวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เขากล่าวว่าคนเราปัจจุบัันอาศัย อยู่ในโลกที่ ประสบกับภัยธรรมชาติรุนแรง มีปัญหาขาดแคลนน้ำและมีการแก่งแย่งกันรุนแรงกว่าเดิม เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และเขาเชื่อว่าภายในพุทธศักราช 2593 หากสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ ระดับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น เป็นสามเท่าตัว

รายงานเรื่อง GEO-5 for Business เป็นรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ทางสิ่งเเวดล้อมที่มี ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ รายงานชิ้นนี้ติดตามการศึกษาเกี่ยวกับความ คาดหวังในอนาคต ต่อสิ่งเเวดล้อมทั่วโลก ของสหระประชาชาติที่ศึกษาสภาพการเปลี่ยน แปลงของภาวะอากาศของโลก

รายงานนี้เปิดเผยว่ามนุษย์ได้ใช้ทรัพยากรบนโลกไปมากจนเกือบจะถึงระดับเต็มที่ หรืออาจจะเลยขีดจำกัดไปแล้ว ในหลายๆด้าน

คุณนัททอล แห่งโครงการสิ่งเเวดล้อมแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าการใช้ ทรัพยากร ธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือยได้สร้าง ผลกระทบแล้วต่อภาคธุรกิจทั่วโลก รายงานชิ้นใหม่นี้ ศึกษาว่าภาคการก่อสร้าง การผลิตสารเคมี การทำเหมือง การผลิตอาหารและอุตสาหกรรม ประเภทอื่นๆจะได้รับผลกระทบอย่างไร

เขายกประเทศอาฟริกาใต้เป็นตัวอย่างว่าการแก่งแย่งกันเพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติจะส่งผลให้การทำเหมืองมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าภายในอีก 7 ปี ในธุรกิจทำเหมืองเเร่เงิน ผู้ประกอบการ จะต้องจ่ายค่าน้ำเเพงขึ้น 10 เท่าตัวของค่าน้ำในปัจจุบันเนื่องมาจากปัญหาขาดเเคลนน้ำ ในทวีปอาฟริกา

อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นยังจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวด้วย รายงานนี้ ยกตัวอย่างว่าภายใน 30 ปีข้างหน้า จำนวนสกีรีสอร์ทในทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของสหรัฐจะลดลงครึ่งหนึ่ง

คุณนัททอลกล่าวว่าในปัจจุบันประชากรของโลกเพิ่มจำนวนขึ้นโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา รัฐบาลประเทศ กำลังพัฒนาต่างๆจะต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น อาทิ การขนส่งและไฟฟ้า เขากล่าวว่าจำเป็นอย่างมาก ที่การพัฒนระบบสาธารณูปโภคเหล่านี้เพื่อ อนาคต มีการวางแผนที่ดีและนำประเด็นด้านสิ่งเเวดล้อมไปประกอบด้วย

คุณนิค นัททอล ผู้เชี่ยวชาญแห่งโครงการสิ่งเเวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า มีเงินจำนวนมาก มูลค่าหลาย ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ที่กำลังจะลงทุนในประเทศกำลัง พัฒนาจำนวนมาก ภายในอนาคตอันใกล้ผ่านทางภาคเอกชน เกิดคำถามว่าเป็นไปได้ หรือไม่ที่รัฐบาลประเทศเหล่านี้จะสามารถผลักดันการลงทุนเหล่านี้ให้ใส่ใจต่อสิ่งเเวดล้อม

ตามรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติชิ้นล่าสุดนี้ ราว 80 เปอร์เซ็นต์ ของตัวเงินลงทุนที่ จำเป็นในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนอาจจะมาจากภาคเอกชน
XS
SM
MD
LG