ลิ้งค์เชื่อมต่อ

“Anacetrapib”ยาชนิดใหม่รักษาโรคไขมันในเลือดหรือคลอเรสเตอรอลได้ผลดีกว่าเดิม


“Anacetrapib”ยาชนิดใหม่รักษาโรคไขมันในเลือดหรือคลอเรสเตอรอลได้ผลดีกว่าเดิม
“Anacetrapib”ยาชนิดใหม่รักษาโรคไขมันในเลือดหรือคลอเรสเตอรอลได้ผลดีกว่าเดิม

ผู้ที่มีปัญหาโรคไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอลที่มักจะรับยา Statins เพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวที่ไม่ดีต่อร่ายกาย หรือ ที่เรียกว่าLDL ให้น้อยลง แต่ตัวยาชนิดนี้กลับไม่มีผลที่จะช่วยเพิ่ม HDL หรือคอลเลสเตอรอลชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากนักแต่ข่าวดีล่าสุดที่น่าตื่นเต้นในวงการแพทย์ก็คือการค้นพบยา “anacetrapib” ยาตัวใหม่ที่ช่วยเพิ่มระดับ HDL หรือคอลเลสเตอรอลที่ดีในเลือดนี้ได้อย่างน่าทึ่ง แม้จะยังอยู่ในช่วงการทดลองก็ตาม

วงการแพทย์มีความคาดหวังสูงกับยาตัวใหม่ที่เรียกว่า แอนนาเซททาร์พิบ (anacetrapib) ที่อาจจะช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้มากขึ้นในอนาคต

ในการทดลองกับผู้ป่วยอย่างน้อย 1 พัน 6 ร้อยคนที่มีอาการของโรคไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอล แพทย์ให้ยาแอนนาเซทตาร์พิบให้แก่ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกๆ และให้ผลเป็นที่น่าพอใจ

นายแพทย์คริสโตเฟอร์ แคนนอน จากโรงพยาบาล บริกแฮ่ม แอนด์ วีแม่น Brigham and Women ในนครบอสตัน ผู้ศึกษาอย่างละเอียดในการวิจัยในครั้งนี้ บอกว่าการทดลองด้วยการใช้ตัวยาชนิดใหม่นี้ให้ผลดีขึ้นมากกว่าการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ระหว่าง 4 ถึง 10 เท่าตัว

ก่อนหน้านี้การรักษาผู้ป่วยโรคคลอเรสเตอรรอล หรือ ไขมันในเลือดแพทย์จะสั่งจ่ายยา สแตติน เพื่อลดระดับ LDL หรือ คอเลสเตอรอลตัวชนิดที่ส่งผลร้ายต่อร่ายกาย แต่ตัวยา สแตติน ไม่ได้ส่งผลในการเพิ่มระดับ HDL หรือ คอเลสเตอรรอลอีกชนิดหนึ่งที่ส่งผลดีต่อร่ายกายในการกำจัดคราบไขมันที่อุดตันในเส้นเลือดมากนัก

แต่การศึกษาในครั้งนี้พบว่าผู้ป่วยที่รับยาตัวยาแอนนาเซททาร์พิบ ซึ่งเป็นตัวยาใหม่ มีระดับคอลเรสเตอรอลตัวร้ายลดลงประมาณร้อยละ 40 ขณะที่คลอเรสเตอรอลชนิดที่ดีเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว คือประมาณ 138 เปอร์เซ็นต์

นายแพทย์ฮาร์แลน ครูมโฮสซ์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล บอกว่า ผลของยาชนิดนี้ถือเป็นความโดดเด่นอย่างมากเพราะนอกจากจะลดระดับคอลเรสเตอรอลตัวร้ายแล้วยังเพิ่มคลอเรสเตอรอลที่ส่งผลดีต่อร่ายการอีกด้วย

อย่างไรก็ตามคณะนักวิจัยมีความเห็นร่วมกันว่าจะยังคงยืดระยะเวลา และขยายกลุ่มตัวอย่างของการทดลองตัวยานี้ต่อไป โดยในต้นปีหน้าจะเริ่มการทดลองระยะยาวระหว่างประเทศเป็นเวลา 4 ปี ในกลุ่มผู้ป่วยที่วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคคลอเรสเตอรอลจำนวน 3 หมื่นคน รวมทั้งในกลุ่มที่ใช้ยาสตาติน ด้วย

นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล บอกว่า วงการแพทย์ยังต้องการเรียนรู้ให้มากขึ้นก่อนที่ตัวยาชนิดนี้จะออกวางขาย และจะต้องได้รับการรับรองก่อนว่าผลที่พบจากการทดลองจะมีประโยชน์กับผู้ป่วยทั่วไป

อย่างไรก็ตามก็อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะคุณหมอก็ยังฝากเตือนและแนะนำมาด้วยว่าวิธีการที่ดีที่สุดของการป้องกันระดับคอลเลสเตอรอลนั้นก็คือการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกิน รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่อาจจะเพิ่มระดับเจ้าคอลเรสเตอรรอลตัวร้ายในร่างกาย เพราะถึงแม้จะมียาดีอย่างไร แต่ถ้าเราไม่ดูแลร่างกายตัวเอง โรคร้ายก็อาจจะถามหาได้เหมือนกัน

XS
SM
MD
LG