การหาเสียงของพรรคการเมืองในกัมพูชากำลังเข้มข้นก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค เชื่อกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง 2 พรรคคือ พรรค Cambodia People’s Party หรือ CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น กับพรรคฝ่ายค้าน Cambodia National Rescue Party หรือ CNRP ของนายสม รังสี ผู้ที่เพิ่งกลับจากการลี้ภัยในฝรั่งเศสนาน 4 ปี
นายสม รังสี ก้าวเท้าแตะแผ่นดินกัมพูชาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากลี้ภัยการเมืองไปอยู่ในฝรั่งเศสนานถึง 4 ปี โดยภารกิจสำคัญของนายสมในการกลับกัมพูชาครั้งนี้คือการช่วยสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน Cambodia National Rescue Party หาเสียงก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 28 ก.ค นี้ ซึ่งทางพรรค CNRP หวังว่าความนิยมของชาวกัมพูชาที่มีต่อนายสม รังสี น่าจะช่วยให้ทางพรรคได้ที่นั่งในสภามากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่พรรคฝ่ายค้าน CNRP ใช้ในการหาเสียง คือการเสนอนโยบายใหม่ๆเพื่อดึงดูดใจประชาชนโดยเฉพาะนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่นการให้สัญญาว่าจะขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจากเดือนละ 80 ดอลล่าร์เป็น 150 ดอลล่าร์ ส.ส พรรคฝ่ายค้าน Son Chhay เชื่อว่าบรรดาคนวัยทำงานโดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานต่างๆ จะพากันเดินทางกลับบ้านเกิดและชักชวนให้ญาติพี่น้องลงคะแนนให้พรรคฝ่ายค้านเพื่อช่วยให้เงินเดือนของพวกตนสูงขึ้น
นอกจากนี้พรรคฝ่ายค้าน CNRP ยังชูนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็น 250 ดอลล่าร์ต่อเดือน และให้เงินบำนาญรายเดือนเดือนละ 10 ดอลล่าร์ให้แก่ผู้เกษียณอายุการทำงานราว 600,000 คน ซึ่งพรรค CNRP คาดว่านโยบายต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้ชาวกัมพูชาราว 2 ล้านคนมีรายได้เพิ่มขึ้น
ถึงกระนั้น ดูเหมือนพรรครัฐบาล Cambodia People’s Party หรือ CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น จะยังคงครอบครองเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนกัมพูชาเอาไว้ เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ครองอำนาจการเมืองมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ และควบคุมการบริหารงานส่วนต่างๆเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่ระดับชาติลงไปถึงระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และนสพ.ไว้เกือบทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้บรรดานักวิเคราะห์การเมืองกัมพูชารวมทั้งคุณ Lao Mong Hay จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านจะสามารถเข้าถึงมวลชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ นักวิเคราะห์ Lao Mong Hay ชี้ว่าพรรคฝ่ายค้านขาดแคลนทั้งเครื่องมือและเวลาที่จะจัดตั้งการรณรงค์หาเสียงต่อสู้กับพรรครัฐบาลได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวนายสม รังสีเองก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติสั่งห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากยื่นใบสมัครไม่ทันกำหนด
คุณ Lao Mong Hay ระบุว่า การที่นายสม รังสี ไม่ได้เข้าร่วมลงเลือกตั้งครั้งนี้อาจกลายเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลกัมพูชา เพราะอาจเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงความโปร่งใสของการเลือกตั้งได้ แม้ที่ผ่านมาบรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งต่างระบุว่า การเลือกตั้งกัมพูชาครั้งนี้มีบรรยากาศที่เปิดเผยปลอดโปร่งกว่าครั้งที่ผ่านๆมาก็ตาม
คุณ Lao Mong Hay เชื่อว่าแรงกดดันจากนานาชาติคือปัจจัยสำคัญต่อการเลือกตั้งในกัมพูชา หลังจากที่สหประชาชาติได้ออกมาขอให้มีการเลือกตั้งที่โปร่งใสยุติธรรม ตามด้วยการเรียกร้องให้อภัยโทษนายสม รังสีเพื่อให้เขาสามารถเข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ จึงเชื่อแน่ว่า รัฐบาลต่างชาติจะจับตามองกระบวนการการเลือกตั้งในกัมพูชาอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าวจนถึงวันเปิดคูหาเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้อย่างแน่นอน
รายงานจาก Robert Carmichael / เรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
นายสม รังสี ก้าวเท้าแตะแผ่นดินกัมพูชาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากลี้ภัยการเมืองไปอยู่ในฝรั่งเศสนานถึง 4 ปี โดยภารกิจสำคัญของนายสมในการกลับกัมพูชาครั้งนี้คือการช่วยสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน Cambodia National Rescue Party หาเสียงก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 28 ก.ค นี้ ซึ่งทางพรรค CNRP หวังว่าความนิยมของชาวกัมพูชาที่มีต่อนายสม รังสี น่าจะช่วยให้ทางพรรคได้ที่นั่งในสภามากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่พรรคฝ่ายค้าน CNRP ใช้ในการหาเสียง คือการเสนอนโยบายใหม่ๆเพื่อดึงดูดใจประชาชนโดยเฉพาะนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่นการให้สัญญาว่าจะขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจากเดือนละ 80 ดอลล่าร์เป็น 150 ดอลล่าร์ ส.ส พรรคฝ่ายค้าน Son Chhay เชื่อว่าบรรดาคนวัยทำงานโดยเฉพาะผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานต่างๆ จะพากันเดินทางกลับบ้านเกิดและชักชวนให้ญาติพี่น้องลงคะแนนให้พรรคฝ่ายค้านเพื่อช่วยให้เงินเดือนของพวกตนสูงขึ้น
นอกจากนี้พรรคฝ่ายค้าน CNRP ยังชูนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการเป็น 250 ดอลล่าร์ต่อเดือน และให้เงินบำนาญรายเดือนเดือนละ 10 ดอลล่าร์ให้แก่ผู้เกษียณอายุการทำงานราว 600,000 คน ซึ่งพรรค CNRP คาดว่านโยบายต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้ชาวกัมพูชาราว 2 ล้านคนมีรายได้เพิ่มขึ้น
ถึงกระนั้น ดูเหมือนพรรครัฐบาล Cambodia People’s Party หรือ CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น จะยังคงครอบครองเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนกัมพูชาเอาไว้ เนื่องจากเป็นฝ่ายที่ครองอำนาจการเมืองมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ และควบคุมการบริหารงานส่วนต่างๆเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่ระดับชาติลงไปถึงระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และนสพ.ไว้เกือบทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้บรรดานักวิเคราะห์การเมืองกัมพูชารวมทั้งคุณ Lao Mong Hay จึงเชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านจะสามารถเข้าถึงมวลชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ นักวิเคราะห์ Lao Mong Hay ชี้ว่าพรรคฝ่ายค้านขาดแคลนทั้งเครื่องมือและเวลาที่จะจัดตั้งการรณรงค์หาเสียงต่อสู้กับพรรครัฐบาลได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวนายสม รังสีเองก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติสั่งห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากยื่นใบสมัครไม่ทันกำหนด
คุณ Lao Mong Hay ระบุว่า การที่นายสม รังสี ไม่ได้เข้าร่วมลงเลือกตั้งครั้งนี้อาจกลายเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลกัมพูชา เพราะอาจเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงความโปร่งใสของการเลือกตั้งได้ แม้ที่ผ่านมาบรรดาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งต่างระบุว่า การเลือกตั้งกัมพูชาครั้งนี้มีบรรยากาศที่เปิดเผยปลอดโปร่งกว่าครั้งที่ผ่านๆมาก็ตาม
คุณ Lao Mong Hay เชื่อว่าแรงกดดันจากนานาชาติคือปัจจัยสำคัญต่อการเลือกตั้งในกัมพูชา หลังจากที่สหประชาชาติได้ออกมาขอให้มีการเลือกตั้งที่โปร่งใสยุติธรรม ตามด้วยการเรียกร้องให้อภัยโทษนายสม รังสีเพื่อให้เขาสามารถเข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ จึงเชื่อแน่ว่า รัฐบาลต่างชาติจะจับตามองกระบวนการการเลือกตั้งในกัมพูชาอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าวจนถึงวันเปิดคูหาเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้อย่างแน่นอน
รายงานจาก Robert Carmichael / เรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
