ราคาน้ำมันลดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี
ราคาน้ำมันลดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 ปี ท่ามกลางความกังวลเรื่องปริมาณน้ำมันในตลาดโลกที่มีเกินความต้องการ หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดทางให้ผู้ผลิตในประเทศส่งออกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จากทะเลเหนือซึ่งเป็นราคามาตรฐาน ลดลง 2% มาอยู่ที่ 36.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2004 ส่วนน้ำมันดิบ sweet crude oil จากสหรัฐฯ ถอยลงมา 1.4% อยู่ที่ 34.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์ Kash Kamal จากบริษัท Sucden Financial กล่าวว่าราคาน้ำมันอาจลดลงต่อ หลังจากที่หลุดจากจุดสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว ร้อยละ 65 เขากล่าวว่าการลดลงต่อเนื่องในวันจันทร์มีสาเหตุมาจากการที่สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าอาจเจอแรงต้านจากกลุ่มตลาดโตเร็ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าอาจจะยังคงเจอแรงต้านจากกลุ่มตลาดโตเร็ว หรือ emerging markets ท่ามกลางการชะลอตัวลงของจีน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสหรัฐฯ ยังดูสดใส โดยจีดีพีของสหรัฐฯ น่าจะขยายตัว 2.7% ในปีหน้าขณะที่อัตราการคนว่างงานอาจลดลงมาอยู่ใกล้ร้อยละ 4.6 ปลายปี ค.ศ. 2016
จีนใช้มาตรการให้ธุรกิจย้ายออกจากศูนย์ในเมืองใหญ่เพื่อกระจายความเจริญ
ขณะนี้ ทางการจีนใช้มาตรการให้ธุรกิจย้ายต้องออกจากศูนย์ของเมืองใหญ่เพื่อกระจายความเจริญ และลดมลพิษในเขตเมือง
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการบางรายกังวลว่า มาตรการย้ายธุรกิจให้ออกจากศูนย์ของเมืองใหญ่ กำลังเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 25 ปี
ชาวเหมืองขนาดเล็กเคนย่าเสี่ยงต่อมลพิษร้ายแรง
ชาวเหมืองขนาดเล็กเคนย่าเสี่ยงต่อมลพิษร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมือง โอสิรี (Osiri) ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งมีผู้ทำเหมืองขนาดเล็กราว 3,000 คน บางคนรับรายได้ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน
แม้ว่าเคนย่ามีกฎหมายห้ามทำเหมืองขนาดเล็ก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้กำกับให้ผู้ประกอบการทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนัก ผลร้ายต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นคือสารปรอทที่ใช้ทำเหมืองทองปะปนมาในน้ำและจากการสัมผัสโดยตรง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมอง ตับ และปอด
อันตรายจากการลักลอบทำเหมืองขนาดเล็ก อาจลดลงหากมีการเปิดให้ทำกิจการนี้ตามกฎหมาย เพื่อที่จะได้จักมาตรฐานความปลอดภัย และขณะนี้ร่างกฎหมายเพื่อจัดระบบเหมืองขนาดเล็กและขนาดใหญ่กำลังได้รับการพิจารณาจากสภา
ย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเยอรมนีใช้พลังงานสะอาดสำหรับไฟประดับเทศกาลคริสต์มาส
ย่านช็อปปิ้งชื่อดังของเยอรมนีใช้พลังงานสะอาดสำหรับไฟประดับเทศกาลคริสต์มาส ไฟที่สว่างไสวที่ตลาด Christkindermarkt หรือตลาดคริสต์มาสนี้ ในเมืองนูเร็มเบิร์ก ใช้พลังงานที่กลับมาใช้ใหม่ได้ 100%
งานในปีนี้ยังมีไวน์อุ่นๆ ตำรับเยอรมันที่ใส่เครื่องเทศ รินให้ผู้เดินตลาด Christkindermarkt จากแก้วที่นำกลับมาใช้อีกได้ หลังจากล้างทำความสะอาดให้ลูกค้าคนต่อไป ถือเป็นการลดขยะ เพื่อช่วยให้เป็นไปตามแนวทางการบริโภคอย่างยั่งยืนอีกแรงหนึ่งด้วย
(รายงานโดยสำนักข่าวต่างประเทศและห้องข่าววีโอเอ / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)
