ธุรกิจต่างชาติกำลังให้ความสนใจที่จะไปลงทุนในพม่า หลังจากที่สหรัฐและสหภาพยุโรปผ่อนคลายมาตรการลงโทษพม่าทางเศรษฐกิจ
ส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษพม่าทางเศรษฐกิจมุ่งเป้าที่การธนาคาร ทำให้ยากที่จะเข้าไปลงทุนในพม่า
แต่เมื่อสหรัฐและสหภาพยุโรป หรือ EU ผ่อนคลายมาตรการลงโทษดังกล่าว Google, Coca-Cola และ General Motors พากันตบเท้าเดินหน้าเข้าพม่า
รมต. Hillary Clinton ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวแสดงความคาดหมายของรัฐบาลกับคณะผู้แทนการค้าชุดใหญ่ที่สุดที่เคยเดินทางไปพม่าว่า ธุรกิจเหล่านี้จะต้องทำงานอย่างมีความรับผิดชอบ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางดี
แต่นาย Ramesh Shrestha ผู้แทนของยูนิเซฟในพม่า วิตกว่าการเปิดประเทศจะเปิดโอกาสให้มีการฉวยประโยชน์จากเด็กมากขึ้นได้ เมื่อคำนึงดูว่า อัตราความยากจนในประเทศสูงถึง 30%
เจ้าหน้าที่ของยูนิเซฟผู้นี้กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเปิดประเทศอย่างเป็นประชาธิปไตยจริงอย่างที่พูดไว้ ก็หมายความว่า สิ่งที่เคยควบคุมไม่ได้ จะเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นไปอีก ใครพอใจจะทำอะไร ก็ทำได้ ไม่ว่าจะถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย
แต่นาย Jesse Eaves ที่ปรึกษาอาวุโสในเรื่องการคุ้มครองเด็กของ World Vision ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานให้ความช่วยเหลือ กล่าวว่า ที่สำคัญก็คือพม่ากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ถูกต้อง
เขาบอกว่า ได้เคยเห็นประเทศอย่างพม่า เริ่มจะพินิจพิจารณาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในบ้านของตนเอง กับประชาชนของตน และพยายามหาทางแก้ไข
เขากล่าวต่อไปว่า World Vision กำลังให้การศึกษา ซึ่งช่วยให้ผู้คนได้รับรู้และเข้าใจเรื่องการค้ามนุษย์ และการฉวยประโยชน์จากเด็กมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้ผู้รับเคราะห์ออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน
ในอีกด้านหนึ่งนาย Lex Reiffel นักเศรษฐศาสตร์ที่สถาบัน Brookings ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของพม่า อาจเป็นปัญหาท้าทายโครงการพัฒนาและการสวัสดิการของประเทศได้
นักวิเคราะห์ของ Brookings ผู้นี้กล่าวว่า แนวทางที่ได้เคยเห็นมาสำหรับประเทศที่ลงทุนอย่างมากในทรัพยากรธรรมชาติ มักจะลงทุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์ไม่เพียงพอ ในขณะที่ประสบการณ์บ่งชี้ว่า ที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว คือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์
ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานการลงทุนของอังกฤษ นาย Nick Baird เชื่อว่า ธุรกิจต่างชาติสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกได้มากในพม่า
ผู้อำนวยการสำนักงานการลงทุนของอังกฤษให้ความเห็นว่า ไม่ได้จำกัดแต่ในเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่การร่วมมือกันทำธุรกิจในลักษณะที่เปิดเผย โปร่งใสและรับผิดชอบ จะช่วยให้พม่ามีเสถียรภาพได้
เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำพม่า นาย Derek Mitchell เห็นด้วย และว่าการลงทุนจากต่างประเทศ จะช่วยให้พม่าก้าวหน้าไปสู่ความโปร่งใส และความรับผิดชอบมากขึ้น
ส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษพม่าทางเศรษฐกิจมุ่งเป้าที่การธนาคาร ทำให้ยากที่จะเข้าไปลงทุนในพม่า
แต่เมื่อสหรัฐและสหภาพยุโรป หรือ EU ผ่อนคลายมาตรการลงโทษดังกล่าว Google, Coca-Cola และ General Motors พากันตบเท้าเดินหน้าเข้าพม่า
รมต. Hillary Clinton ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวแสดงความคาดหมายของรัฐบาลกับคณะผู้แทนการค้าชุดใหญ่ที่สุดที่เคยเดินทางไปพม่าว่า ธุรกิจเหล่านี้จะต้องทำงานอย่างมีความรับผิดชอบ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางดี
แต่นาย Ramesh Shrestha ผู้แทนของยูนิเซฟในพม่า วิตกว่าการเปิดประเทศจะเปิดโอกาสให้มีการฉวยประโยชน์จากเด็กมากขึ้นได้ เมื่อคำนึงดูว่า อัตราความยากจนในประเทศสูงถึง 30%
เจ้าหน้าที่ของยูนิเซฟผู้นี้กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลเปิดประเทศอย่างเป็นประชาธิปไตยจริงอย่างที่พูดไว้ ก็หมายความว่า สิ่งที่เคยควบคุมไม่ได้ จะเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นไปอีก ใครพอใจจะทำอะไร ก็ทำได้ ไม่ว่าจะถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย
แต่นาย Jesse Eaves ที่ปรึกษาอาวุโสในเรื่องการคุ้มครองเด็กของ World Vision ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานให้ความช่วยเหลือ กล่าวว่า ที่สำคัญก็คือพม่ากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ถูกต้อง
เขาบอกว่า ได้เคยเห็นประเทศอย่างพม่า เริ่มจะพินิจพิจารณาว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในบ้านของตนเอง กับประชาชนของตน และพยายามหาทางแก้ไข
เขากล่าวต่อไปว่า World Vision กำลังให้การศึกษา ซึ่งช่วยให้ผู้คนได้รับรู้และเข้าใจเรื่องการค้ามนุษย์ และการฉวยประโยชน์จากเด็กมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนให้ผู้รับเคราะห์ออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน
ในอีกด้านหนึ่งนาย Lex Reiffel นักเศรษฐศาสตร์ที่สถาบัน Brookings ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของพม่า อาจเป็นปัญหาท้าทายโครงการพัฒนาและการสวัสดิการของประเทศได้
นักวิเคราะห์ของ Brookings ผู้นี้กล่าวว่า แนวทางที่ได้เคยเห็นมาสำหรับประเทศที่ลงทุนอย่างมากในทรัพยากรธรรมชาติ มักจะลงทุนทางด้านทรัพยากรมนุษย์ไม่เพียงพอ ในขณะที่ประสบการณ์บ่งชี้ว่า ที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว คือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์
ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานการลงทุนของอังกฤษ นาย Nick Baird เชื่อว่า ธุรกิจต่างชาติสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกได้มากในพม่า
ผู้อำนวยการสำนักงานการลงทุนของอังกฤษให้ความเห็นว่า ไม่ได้จำกัดแต่ในเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่การร่วมมือกันทำธุรกิจในลักษณะที่เปิดเผย โปร่งใสและรับผิดชอบ จะช่วยให้พม่ามีเสถียรภาพได้
เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำพม่า นาย Derek Mitchell เห็นด้วย และว่าการลงทุนจากต่างประเทศ จะช่วยให้พม่าก้าวหน้าไปสู่ความโปร่งใส และความรับผิดชอบมากขึ้น