ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัยเน้นย้ำน้ำนมมารดาช่วยส่งเสริมความสามารถทางการเรียนรู้และความคิดอ่านของเด็ก


มีการเรียกร้องให้รัฐบาลทั้งในประเทศยากจนและประเทศร่ำรวยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาให้มากขึ้น

please wait

No media source currently available

0:00 0:05:23 0:00
Direct link

วารสาร Lancet นำเสนอเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดา โดยชี้ว่าเราสามารถป้องกันไม่ให้เด็กเสียชีวิตถึงปีละ 820,000 คนได้ ด้วยการส่งเสริมให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองกันให้มากขึ้น

วารสารนี้ยังเปิดเผยด้วยการให้บุตรดื่มน้ำนมมารดายังช่วยป้องกันไม่ให้มารดา 20,000 คนเสียชีวิตจากมะเร็งทรวงอกได้อีกด้วย

วารสารชี้ว่าความล้มเหลวในการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเเม่ จะส่งผลกระทบต่อความสามารถด้านการใช้ความคิดอ่านของเด็ก ซึ่งเป็นความสามารถที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ การประมวลความคิดและการจดจำข้อมูลและการอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ได้รับรู้ไป

ผลการศึกษาเรื่องนี้พบว่า ความสามารถทางความคิดอ่านที่ต่ำเพราะไม่ได้ดื่มน้ำนมมารดา ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายตามมาสูงกว่าสามแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในการรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก

รายงานยังพบด้วยว่าหญิงในประเทศยากจนนิยมเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดามากกว่าหญิงในประเทศร่ำรวย

ด็อกเตอร์ไนเจล โรลลิ่นส์ แห่งฝ่ายสุขภาพมารดา ทารกและคนหนุ่มสาวแห่งองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาในช่วงหกเดือนหลังทารกคลอด เพิ่มขึ้นมาเพียงแค่ราว 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในช่วง 15-20 ปี เเละเกือบราว 37 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั่วโลกเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในช่วงหกเดือนหลังลูกคลอด

องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานสหประชาชาติทุกแห่งชี้ว่า การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่เป็นวิถีปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงทุกคน

ด็อกเตอร์โรลลินส์กล่าวว่า เมื่อศึกษาถึงความต่อเนื่องของการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาหลังหกเดือนไปแล้ว ทีมนักวิจัยพบว่ามีความแตกต่างกันไปเล็กน้อยตามสถานภาพทางการเงิน

ทีมนักวิจัยพบว่าในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ราว 60-80 เปอร์เซ็นต์ของมารดาจะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตัวเองนานจนถึง 12 เดือน แม้ตัวเลขนี้จะไม่ค่อยคงที่นักในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง แต่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาจนครบ 12 เดือนในประเทศร่ำรวยยังต่ำกว่าประเทศยากจนมาก

ทีมนักวิจัยยกตัวอย่างประเทศระวันดาที่มีอัตราการเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมแม่สูงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อังกฤษมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาต่ำมาก

ผลการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาในระดับทั่วโลกพบว่า ผู้หญิงไม่ได้รับแรงสนับสนุนในการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเอง การศึกษาพบว่าผู้หญิงมีข้อจำกัดในการลาเลี้ยงลูกหลังคลอด หรืออาจไม่สามารถลาคลอดได้ ยังมีช่องว่างในด้านความรู้ของเจ้าหน้าที่สุขภาพ ตลอดจนขาดแรงสนับสนุนจากคนในครอบครัวและจากชุมชน

วารสาร Lancet ชี้ว่าการส่งเสริมให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาเพิ่มขึ้นไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐ ในจีนและในบราซิล และเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ในอังกฤษ จะช่วยลดค่ารักษาอาการเจ็บป่วยทั่วๆ ไป และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพเด็กลงไปได้หลายร้อยดอลล่าร์สหรัฐ

วารสารนี้ยังเน้นถึงประโยชน์ทางสุขภาพต่อมารดาจากการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองอีกด้วย

ด็อกเตอร์โรลลินส์กล่าวว่า สำหรับตัวผู้หญิงเอง จำนวนปีของการเลี้ยงลูกแต่ละคนด้วยน้ำนมตัวเอง รวมกันแล้วจะมีผลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทรวงอกลง โดยหากเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองนานหนึ่งปีก็จะลดความเสี่ยงลงได้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ได้ด้วย

ด็อกเตอร์โรลลินส์ยังชี้ด้วยว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมยังช่วยเพิ่มช่วงห่างของการตั้งครรภ์บุตรคนต่อไปได้ด้วย เขากล่าวว่านี่ถือเป็นผลดีข้อหลักต่อสุขภาพผู้หญิง และยังมีประโยชน์ต่อตัวเด็กด้วย

แต่อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งคือ การผลักดันด้านการตลาดอย่างเเข็งขันจากบรรดาบริษัทนมผงสำหรับเลี้ยงทารก

ด็อกเตอร์โรลลินส์กล่าวว่า อุตสาหกรรมนมผงเลี้ยงทารกและเทคนิคทางการตลาดของบริษัทเหล่านี้ เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมารดาซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงลูกที่ดีที่สุดในช่วงต้นของชีวิต

เขากล่าวว่ามีวิธีที่มีประสิทธิภาพหลายวิธี ในการรับมือกับบริษัทนมผงเลี้ยงทารก วิธีหนึ่งก็คือองค์การอนามัยโลกออกกฏควบคุมการทำการตลาดและทางการในประเทศต่างๆ และต้องรวมเอากฏเข้าไปในกฏหมายในประเทศ มีการติดตามดูการละเมิดข้อจำกัดและข้อห้ามอย่างจริงจัง ตลอดจนมีการบทลงโทษหากมีการละเมิด

XS
SM
MD
LG