คุณเรเชี่ยว กิ๊ปสัน ก็เหมือนกับคุณแม่ที่ต้องทำงานคนอื่นๆที่อยากให้ลูกได้ทานอาหารที่ดีและปลอดภัยที่สุด แม้แต่ของว่างจำพวกขนม เธอมักเลือกซื้อเฉพาะของว่างสำหรับเด็กที่ปลอดสารเคมี หรือ ที่เรียกกันทับศัพท์ทั่วไปว่าอาหารออแกนิค แต่เธอกังวลว่าแม้อาหารจะไร้สารแต่เธอไม่มั่นใจว่าตัวบรรจุภัณฑ์จะปลอดสารพิษ
คุณเรเชี่ยว กิ็ปสันเชื่อว่าฝาของบรรจุภัณฑ์อาหารอาจจะมีสารบีพีเอเพราะมีการใช้สารอีพ็อกซี่ในการผลิตฝาปิดบรรจุภัณฑ์อาหาร
ความกังวลของคุณเรเชี่ยว กิ๊ปสั่นมีเหตุผล มีการทดลองในหนูแล้วพบว่า BPA หรือ Bisphenal A เป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งเต้านมกับมะเร็งในต่อมลูกหมากและยังเป็นสาเหตุของอีกหลายโรคในหนูทดลองด้วย
สารบีพีเอ เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก ประเภท โพลีคาร์บอเนต (polycarbonate plastic) และ อีพอกซีเรซิ่น (Epoxy resins) พบในบรรจุภัณฑ์พลาสติกนิยมและยังใช้ในการเคลือบด้านในกระป๋องบรรจุอาหาร
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบีพีเอยังเป็นภัยต่อฮอร์โมนการเจริญเติบโต ระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์ด้วย
ล่าสุด กองทุนมะเร็งเต้านมในสหรัฐได้เปิดเผยรายงานที่ชี้ว่าพบสารบีพีเอปนเปื้อนในอาหารกระป๋องของเด็กในระดับสูง
คุณคอนนี่ อิงเกล เจ้าหน้าที่ของกองทุนมะเร็งเต้านมบอกว่ากองทุนมะเร็งทำการตรวจอาหารกระป๋องสำหรับเด็กหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ปรากฏว่าพบสารบีพีเอปนเปื้อนในอาหารทุกตัวอย่าง และพบว่าซุปกระป๋องสำหรับเด็กยี่ห้อแคมป์เบลส์ดีสนี่กับแคมป์เบลส์ทอยสตอรี่มีสารบีพีเอปนเปื้อนสูง เขาบอกว่าสารบีพีเอ มีความใส ตัวสารพิษซึมออกจากตัวกระป๋องลงไปในของเหลวหรืออาหารที่บรรจุอยู่
โฆษกบริษัทแคมป์เบลแถลงแย้งต่อผลการตรวจสอบนี้ว่า ทางบริษัทมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัท โดยชี้ว่าระดับสารบีพีเอที่พบในสารเคลือบกระป๋องไม่เป็็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ในขณะที่บริษัทแอนนี่ส์ เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเด็กอีกเจ้าหนึ่งที่พบว่ามีการปนเปื้อนสารบีพีเอในอาหาร บอกว่า ทางบริษัทกำลังมองหาสารอื่นมาใช้ทดแทนสารบีพีเอ
ด็อกเตอร์ลีน่า ฮิลลา คีวี คลาค เป็นนักวิจัยที่ศูนย์มะเร็ง Lombardi ที่มหวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในสหรัฐ บอกว่า จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าสารบีพีเอเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการก่อมะเร็งเต้านม
นักวิจัยมะเร็งในสหรัฐคนนี้บอกว่าถ้าทดสอบหาสารบีพีเอในมนุษย์จะพบว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นของคนทั่วไปมีสารตัวนี้ในร่างกายในระดับที่แตกต่างกัน
เธอบอกว่ามะเร็งอาจจะใช้เวลาก่อตัวนานถึงห้าสิบปี แต่สารบีพีเอมีผลกระทบต่อร่างกายเด็กกับร่างกายผู้ใหญ่ต่างกัน
ด็อกเตอร์ลีน่า ฮิลลา คีวี คลาค บอกว่าสารบีพีเอทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีความเสี่ยงต่อโรคเบา หวานประเภทสองเพิ่มมากขึ้นเหมือนกันแต่เด็กจะมีโอกาสเกิดความผิดปกติของการทำงานของต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมนต่อมไร้ท่อต่างๆ สารบีพีเอเป็นอันตรายมากที่สุดต่อผู้หญิงตั้งท้องกับทารกในครรภ์
นอกจากมะเร็งกับเบาหวานแล้ว ผลการศึกษาอีกหลายๆชิ้นที่เกี่ยวข้องชี้ว่าสารบีพีเอมีความเกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยากและการเริ่มเป็นสาวเร็วเกินไปในเด็กหญิงและโรคอ้วน
ในบางรัฐของสหรัฐ ทางการสั่งห้ามใช้สารบีพีเอในการผลิตขวดนมเด็ก ของเล่นและของใช้ในครัวเรือนไปแล้ว แม้ว่าการศึกษาทางการแพทย์อีกหลายการศึกษาเพื่อยืนยันผลกระทบของสารบีพีเอต่อร่างกายมนุษย์ยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม