การประชุมสุดยอดของประเทศในเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ที่ประเทศบรูไนเสร็จสิ้นลงแล้ว และแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีนกับชาติภาคี ASEAN ที่มีออกมา ให้คำมั่นว่า จะร่วมมือทำงานกันต่อไป เพื่อให้ได้ระเบียบปฏิบัติ หรือ Code of Conduct สำหรับทะเลจีนตอนใต้ ซึ่งจีนและภาคีอาเซียนหลายประเทศอ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่
จีนกล่าวอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้เป็นบริเวณราวๆ 80% ซึ่งทับซ้อนกับการกล่าวอ้างสิทธิในทะเลเดียวกันนี้ของอีก 5 ชาติในเอเชีย คือ บรูไน ไต้หวัน มาเลย์เซีย ฟิลิปปินส์ และเวียตนาม
ก่อนที่ประธานาธิบดี Barack Obama จะประสบมรสุมทางการเมืองภายในประเทศจนต้องงดการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้ คาดกันไว้ว่า ปธน. สหรัฐจะเร่งเร้าให้บรรดาประเทศที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันในทะเลจีนใต้ ทำความตกลงเรื่อง Code of Conduct หรือระเบียบปฏิบัติในทะเลดังกล่าวกันให้ได้
แต่เมื่อปธน. สหรัฐไม่สามารถไปร่วมการประชุมได้ ก็ไม่มีการผลักดันในประเด็นนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่จีนที่ออกมากล่าวว่า ไม่ต้องการให้คนนอกมากดดันในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี Li Keqiang ของจีนกล่าวต่อที่ประชุมว่า ความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากของเอเชียตะวันออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะภูมิภาคนี้ ไม่มีความขัดแย้งทางการทหาร เปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศได้
นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวไว้ด้วยว่า ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ และก็จะไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นได้ในอนาคต
และยืนยันว่า จีนจะทำงานก้าวหน้าต่อไปในการหารือกับชาติภาคี ASEAN ในเรื่อง Code of Conduct ในบริเวณน่านน้ำที่มีความขัดแย้ง โดยอาศัยความคิดเห็นของส่วนใหญ่เป็นพื้นฐาน
หรือพูดง่ายๆว่า จีนต้องการแก้ปัญหาดังกล่าวแบบทวิภาคี ไม่ใช่เป็นการเจรจารวมกลุ่มอย่างที่สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติภาคี ASEAN บางชาติต้องการ
นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ของญี่ปุ่น ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งกับจีนอยู่ในทะเลจีนตะวันออก กล่าวต่อที่ประชุมว่า ความตึงเครียดเรื่องทะเลจีนใต้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค และว่าอยากจะเห็นมีการนำ Code of Conduct ระหว่างจีนกับชาติภาคี ASEAN ออกมาบังคับใช้ในเร็วๆนี้ ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของฟิลิปปินส์
จีนกล่าวอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้เป็นบริเวณราวๆ 80% ซึ่งทับซ้อนกับการกล่าวอ้างสิทธิในทะเลเดียวกันนี้ของอีก 5 ชาติในเอเชีย คือ บรูไน ไต้หวัน มาเลย์เซีย ฟิลิปปินส์ และเวียตนาม
ก่อนที่ประธานาธิบดี Barack Obama จะประสบมรสุมทางการเมืองภายในประเทศจนต้องงดการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้ คาดกันไว้ว่า ปธน. สหรัฐจะเร่งเร้าให้บรรดาประเทศที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันในทะเลจีนใต้ ทำความตกลงเรื่อง Code of Conduct หรือระเบียบปฏิบัติในทะเลดังกล่าวกันให้ได้
แต่เมื่อปธน. สหรัฐไม่สามารถไปร่วมการประชุมได้ ก็ไม่มีการผลักดันในประเด็นนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่จีนที่ออกมากล่าวว่า ไม่ต้องการให้คนนอกมากดดันในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี Li Keqiang ของจีนกล่าวต่อที่ประชุมว่า ความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากของเอเชียตะวันออกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะภูมิภาคนี้ ไม่มีความขัดแย้งทางการทหาร เปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศได้
นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวไว้ด้วยว่า ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ และก็จะไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นได้ในอนาคต
และยืนยันว่า จีนจะทำงานก้าวหน้าต่อไปในการหารือกับชาติภาคี ASEAN ในเรื่อง Code of Conduct ในบริเวณน่านน้ำที่มีความขัดแย้ง โดยอาศัยความคิดเห็นของส่วนใหญ่เป็นพื้นฐาน
หรือพูดง่ายๆว่า จีนต้องการแก้ปัญหาดังกล่าวแบบทวิภาคี ไม่ใช่เป็นการเจรจารวมกลุ่มอย่างที่สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติภาคี ASEAN บางชาติต้องการ
นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ของญี่ปุ่น ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งกับจีนอยู่ในทะเลจีนตะวันออก กล่าวต่อที่ประชุมว่า ความตึงเครียดเรื่องทะเลจีนใต้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค และว่าอยากจะเห็นมีการนำ Code of Conduct ระหว่างจีนกับชาติภาคี ASEAN ออกมาบังคับใช้ในเร็วๆนี้ ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของฟิลิปปินส์
