ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผู้เชี่ยวชาญชี้ คนอเมริกันรับประทานเกลือมากกว่าที่ร่างกายต้องการ


ผู้เชี่ยวชาญชี้ คนอเมริกันรับประทานเกลือมากกว่าที่ร่างกายต้องการ
ผู้เชี่ยวชาญชี้ คนอเมริกันรับประทานเกลือมากกว่าที่ร่างกายต้องการ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า คนอเมริกันรับประทานเกลือ มากกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันเกือบ 50 % และการรับประทานเกลือ หรืออาหารเค็มจัดมากเกินไป มีผลให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ

องค์การอาหารและยาของสหรัฐ กำลังดำเนินโครงการเพื่อให้ภัตตาคาร และผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ค่อยๆ ลดปริมาณโซเดียมหรือเกลือที่ใช้ในการประกอบอาหารลง

เกลือในอาหารช่วยเพิ่มรสชาติของอาหาร และทำให้เก็บอาหารไว้ได้นานขึ้น แต่อาหารเค็มหรืออาหารที่มีโซเดียม หรือเกลือเป็นปริมาณมาก ก็ขึ้นชื่อว่า เป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย และความดันโลหิตสูง ก็มีผลให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ที่ทำให้เกิดอาการหัวใจกำเริบหรือการหมดสติฉับพลัน และปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอื่นๆ ได้

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐ ประกาศแผนการระยะเวลา 10 ปี ในการพยายามลดการใช้สารโซเดียมหรือเกลือ ในอาหารตามภัตตาคารหรือในการผลิตอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ทั้งนี้หลังจากที่มีการเสนอแนะ จากคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ องค์การอาหารและยายังไม่ได้ประกาศขีดจำกัดทางกฏหมายในเรื่องนี้ แต่กรรมการที่ปรึกษาผู้หนึ่งต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นายแพทย์ Bob Rubin แห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตันเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนทันทีจะไม่ได้ผล ด้วยเหตุผลหลายอย่าง รวมทั้งการที่ผู้บริโภคเคยชินกับอาหารรสเค็ม ถ้าหากลดปริมาณเกลือลงในปริมาณที่ต้องการลดให้ได้ราว 1 ใน 3 ทันที ผู้บริโภคคงไม่ชอบใจ เพราะรู้สึกว่าอาหารรสชาติไม่อร่อยถูกปาก

ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐนั้น อาหารที่คนอเมริกันโดยทั่วไปบริโภคในแต่ละวันนั้น มีสารโซเดียมเฉลี่ยแล้ววันละเกือบ 3,500 มิลลิกรัม ซึ่งเกินความต้องการของร่างกายเกือบ 50 % แพทย์กล่าวว่า คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีโซเดียมมากกว่า 1,500 มิลลิกรัมในแต่ละวัน และผู้ใหญ่ในวัยอายุน้อยกว่านั้น ก็ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีโซเดียมหรือเกลือเกิน 2,300 มิลลิกรัมหรือมากกว่า 1 ช้อนชาในแต่ละวัน

คนอเมริกันจำนวนมากยอมรับว่า ควรจะต้องมีการจัดการกับปัญหาการบริโภคเกลือมากเกินไป และเห็นว่าแผนการลดการใช้เกลือในอาหาร ตามภัตตาคารหรือในการผลิตอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันนั้น เป็นความคิดที่ดีมาก บางคนบอกว่า เมื่อคำนึงถึงผลดีที่จะตามมาต่อสุขภาพแล้ว ในที่สุดประชาชนก็จะค่อยๆ ปรับตัวและเคยชินกับการรับประทานอาหารที่ใส่เกลือน้อยลงไปเอง

นายแพทย์ Bob Rubin กล่าวว่า ต้องมีการร่วมมือกันทั้งในภาครัฐบาล อุตสาหกรรม และประชาชน เพื่อให้แผนการนี้บรรลุผล และบอกว่า ประชาชนจะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับอาหารโซเดียมสูง เพราะมีอาหารบางอย่างมีโซเดียมสูง แต่รสชาติไม่เค็ม อย่างขนมปัง และเนยแข็ง เป็นต้น เขาแนะนำว่า ผู้บริโภคควรจะต้องหัดเป็นนักอ่านป้ายสลากบนหีบห่อ ที่ระบุส่วนประกอบต่างๆ ของอาหารด้วย

XS
SM
MD
LG