การหยุดการขุดเจาะน้ำมันในย่านน้ำลึก เป็นเวลาหกเดือน เป็นภัยคุกคามต่อ อุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งยวดอย่างหนึ่งของสหรัฐ

การรั่วทะลักของน้ำมันดิบ ซึ่งเกิดจากการที่แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท บริติช ปิโตรเลียมในย่านอ่าวเม็กซิโกระเบิด ซึ่งนำความวิบัติมาสู่บริเวณชายฝั่งของรัฐหลุยเซียนา กับการที่รัฐบาลชุดประธานาธิบดี บารัค โอบามา สั่งให้หยุดการขุดเจาะน้ำมันในย่านน้ำลึก เป็นเวลาหกเดือนนับว่าเป็นภัยคุกคามต่อ อุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งยวดอย่างหนึ่งของสหรัฐ

สำหรับสหรัฐนั้น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในย่านอ่าวเม็กซิโก เป็นแหล่งที่ทรงความสำคัญที่ช่วยสร้างงานให้คนทำและทำให้มีพลังงานสำหรับนำมาใช้ประโยชน์

บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐเท็กซัส รัฐหลุยเซียนาและของรัฐอื่นๆที่อยู่ในย่านอ่าวเม็กซิโกคิดว่าการหยุดการขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันใหม่ๆ เป็นเวลาหกเดือนอาจทำให้คนตกงานนับพันๆ คนและจะเป็นตัวกระตุ้นให้บริษัทน้ำมันต่างๆ ย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันซึ่งมีราคาแพงไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก อันเป็นที่ๆมีความต้องการในด้านนั้น ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ท่านจะยกเลิกการห้ามขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันใหม่ๆ เร็วกว่ากำหนดถ้าหากคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบด้านความปลอดภัย ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นลงโดยสมบูรณ์เร็วกว่ากำหนด

การที่ธุรกิจภาคพลังงานปลดคนงานนับพันๆ คนจะยังความเสียหายอย่างมหันต์ต่อเศรษฐกิจของบรรดารัฐในย่านอ่าวเม็กซิโกที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งทำรายได้ส่วนใหญ่ให้รัฐและช่วยให้รัฐเหล่านั้นเจริญก้าวหน้า แต่ถ้าการผลิตน้ำมันในย่านอ่าวเม็กซิโก เกิดลดลงไปมากมายอย่างน่าตื่นตะลึงก็จะกระทบถึงรัฐอื่นๆ ด้วย

ศาสตราจารย์ ไทเลอร์ พรีสท์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮิวสตันกล่าวว่า ถึงแม้จะเกิดวิกฤติการณ์อย่างที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้ สหรัฐก็จำเป็นจะต้องขุดเจาะน้ำมันในย่านอ่าวเม็กซิโกต่อไป หรือมิฉะนั้นก็จะต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศมากขึ้น

เสียง อาจารย์ ไทเลอร์ พรีซท์ กล่าวไว้ตอนนี้ว่า “เรื่องที่คนพากันรู้สึกหวั่นหวาด เกี่ยวกับการขุดเจาะน้ำมันในเขตน้ำลึก เมื่อพวกเขามองเห็นความเสียหายมากมาย และที่จะเกิดขึ้นในเวลาข้างหน้าอันเนื่องมาจากเหตุการณ์อย่างในขณะนี้ เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ แต่เมื่อมองในอีกแง่มุมหนึ่ง เราต้องการน้ำมันที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วย

สำหรับหนทางแก้ปัญหาดังกล่าวในอนาคตนั้น อาจารย์ ไทเลอร์ พรีซท์ กล่าวว่าควรจะให้ยานพาหนะสำหรับการขนส่งเปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเห็นกันอยู่อย่างดาษดื่นในสหรัฐขณะนี้ แต่การทำเช่นนั้นจะต้องใช้เวลาหลายปี ถึงจะเสร็จเรียบร้อย และในตอนนี้สหรัฐยังต้องการน้ำมันอยู่