ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ นายแกรี่ ล็อค เดินทางเยือนอินโดนีเซีย


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ นายแกรี่ ล็อค กำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนอินโดนีเซียพร้อมกับบรรดาผู้แทนการค้าจากสหรัฐ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ นายแกรี่ ล็อค กำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนอินโดนีเซียพร้อมกับบรรดาผู้แทนการค้าจากสหรัฐ ซึ่งนับเป็นภารกิจทางการค้าระดับสูงครั้งแรก ที่สหรัฐมีต่ออินโดนีเซีย นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงิน ในเอเชียเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และยังเป็นคณะผู้แทนล่วงหน้าก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า จะเดินทางเยือนอินโดนีเซียในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เป้าหมายของคณะผู้แทนอเมริกันชุดนี้คือ การสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในอินโดนีเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ นายแกรี่ ล็อค กล่าวต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในกรุงจาร์การ์ต้าว่า พลังงานนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในขณะนี้ และเป็นเรื่องที่สามารถกำหนดชะตากรรมของโลก ของเศรษฐกิจและประเทศต่างๆได้ รัฐมนตรีล็อคระบุว่า เมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เดินทางเยือนอินโดนีเซียในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะมีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับอินโดนีเซียในประเด็นต่างๆ รวมถึงเรื่องการค้า การศึกษา และสิ่งแวดล้อม โดยประเด็นสำคัญที่สุดคือการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในอินโดนีเซีย ทั้งพลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานจากน้ำ จากลม และจากแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ

อินโดนีเซียนั้น แม้จะมีแหล่งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอันอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ยังคงต้องนำเข้าพลังงานส่วนหนึ่งจากต่างชาติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจ และปัจจุบันอินโดนีเซียยังเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 เนื่องจากการผลิตพลังงานส่วนใหญ่ ในอินโดนีเซียยังต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงจากซากพืชซากสัตว์ รัฐบาลอินโดนีเซียมีเป้าหมายจะลดปริมาณก๊าซที่ก่อให้เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจกนี้ลงให้ได้อย่างน้อย 26% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และภายในปี 2025 รัฐบาลตั้งเป้าว่าพลังงานไฟฟ้าราว 15% ที่ใช้ในประเทศต้องมาจากแหล่งพลังงานสะอาด โดยรัฐบาลจะรับบทบาทนำในการกำหนดกฎเกณฑ์ และจัดหาแรงจูงใจให้ภาคเอกชน ตลอดจนบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในด้านพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ตาม แม้ทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ในอินโดนีเซียจะดูสดใสในสายตาของบริษัทจากสหรัฐ แต่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐชี้ว่า อุปสรรคสำคัญยังมีอยู่หลายเรื่อง ทั้งปัญหาการคอร์รัปชั่น หน่วยงานรัฐบาลที่ล้าหลัง กฎหมายที่เหลื่อมซ้อนกัน และการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย

รัฐมนตรีล็อคกล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้นำธุรกิจในสหรัฐ ต่างบอกกันว่าการทำงานของรัฐบาลอินโดนีเซียนั้นยังขาดความโปร่งใส และบางทีก็เกิดความสับสนในแง่กฎหมายต่างๆ โดยเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากนายสตีฟ กรีน กรรมการผู้จัดการบริษัทพลังงาน Chevron Indonesia ซึ่งมีโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ 2 แห่งในอินโดนีเซีย นายกรีนระบุว่า แม้จะมีความต้องการพลังงานทางเลือกแบบนี้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีการสร้างโรงงานใหม่ๆ เพิ่มในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากขาดความมั่นใจว่าจะได้รับอนุญาตหรือสัญญาจากทางรัฐบาลกรุงจาการ์ต้าหรือไม่ นายสตีฟ กรีน ชี้ว่าสิ่งสำคัญก็คือ รัฐบาลอินโดนีเซียต้องทำให้นักลงทุน เกิดความมั่นใจต่อข้อตกลงหรือสัญญาที่จัดทำขึ้น ภายหลังการเจรจาแล้วให้ได้

ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติมากมาย ตลอดจนภูเขาไฟและบ่อน้ำร้อนที่ทำให้อินโดนีเซียคือแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพถึง 40% จากทั้งหมดทั่วโลก อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในอินโดนีเซียจึงดูสดใสอย่างยิ่ง คณะผู้แทนจากสหรัฐจึงหวังว่า ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโอกาสและขจัดอุปสรรคต่างๆ ต่อบริษัทต่างชาติให้หมดไป

XS
SM
MD
LG