ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ปธน.บารัค โอบามา พยายามให้ความมั่นใจติ่มหาชน เกี่ยวกับการที่น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก


ในยามที่เกิดสงครามและวิกฤติการณ์ระดับชาติ บรรดาประธานาธิบดีอเมริกันมักจะกล่าวปราศรัยถึงชาวอเมริกันทั่วประเทศ จากห้องทำงานของประธานาธิบดีที่เรียกว่า Oval Office ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็เช่นกัน

ท่านประธานาธิบดีพยายามให้ความมั่นใจต่อมหาชนอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลอเมริกันทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการที่น้ำมันรั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโกนั้นทุกอย่าง ท่านประธานาธิบดีพูดกับมหาชนอเมริกันจากห้องทำงานของท่านโดยตรงครั้งนี้เป็นครั้งแรก

ท่านประธานาธิบดีกล่าวไว้ตอนนี้ว่า “การรั่วไหลของน้ำมันที่ว่านี้จะไม่ใช่วิกฤติการณ์ที่อเมริกาจะประสพเป็นครั้งสุดท้าย ชาติของเรานั้น เคยประสพวิกฤติการณ์มาหลายครั้งแล้วและเราแน่ใจว่าจะประสพวิกฤติการณ์กันอีก ความเข้มแข็งและศรัทธาอันแรงกล้าของพวกเรา ที่ว่าเรื่องที่ดีกว่านี้กำลังรอเราอยู่ช่วยให้เราฟันฝ่าวิกฤติการณ์เหล่านั้นไปได้ ถ้าเรารวบรวมความกล้าหาญเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งรออยู่”

เรื่องน้ำมันรั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโกนี้ กลายเป็นเครื่องทดสอบด้านการเมืองและในด้านความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา บรรดาผู้เชี่ยวชาญไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวปราศรัยต่อประชาชนจากห้องทำงานของท่านโดยตรง เพื่อพยายามกู้เกียรติภูมิทางการเมืองที่ท่านสูญเสียไประหว่างที่เกิดวิกฤติการณ์ในช่วงต้นๆ ซึ่งท่านโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านเข้าแก้ไขสถานการณ์อย่างเชื่องช้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านที่เกี่ยวกับประธานาธิบดี บรู๊ซ บิวแคนันแห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัสกล่าวไว้ตอนนี้ว่า “ ผมคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะขณะนี้เรายอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่าเรื่องนี้เป็นวิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุด เท่าที่ประเทศชาติของเราเคยประสพมา และปัญหาใดๆ ก็ตามที่คนสำเหนียกกันว่า อยู่ในระดับที่ประธานาธิบดีจะต้องให้ความสนใจและนั่นคือสิ่งที่ท่านประธานาธิบดีกำลังพยายามทำ”

ผู้ที่ติเตียนท่านประธานาธิบดีบางคน ตั้งคำถามถามว่าทำไมท่านประธานาธิบดีถึงใช้เวลานานนักในการเข้ามาแก้ไขวิกฤติการณ์ที่คุกคามว่า จะบ่อนเซาะความไว้วางใจของมหาชนที่มีต่อท่านประธานาธิบดีในเรื่องเกี่ยวกับความสามารถในการขบแก้และสลายปัญหาต่างๆ

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ท่านประธานาธิบดีเดินทางไปยังย่านอ่าวเม็กซิโกเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาตนเองถึงสี่ครั้ง โดยคำนึงถึงผลเสียทางการเมืองที่ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าท่าน คือประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชเคยโดนมาแล้ว นายบุชโดนตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการที่รัฐบาลอเมริกันแก้ไขปัญหาที่เกิดตามมาหลังจากการที่พายุเฮอร์ริเคนคาตรีน่าโหมกระหน่ำเมื่อปีพุทธศักราช 2548

นักวิเคราะห์การเมือง บรู๊ซ บิวแคนันกล่าวว่าความสามารถของประธานาธิบดีที่จะสร้างความมั่นใจและทำให้ประชาชนตระหนักว่า ท่านเป็นผู้นำนั้นเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับการปกครองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและว่างานที่สำคัญ ของประธานาธิบดีก็คือต้องแสดงไม่เฉพาะแต่ความเข้าใจอกเขาอกเราเท่านั้นแต่ยังต้องสร้างความมั่นใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนผู้ที่กำลังตกอยู่ในความเครียดมากๆ ด้วย เขากล่าวด้วยว่าพลเมืองอเมริกันและของประเทศอื่นๆก็เช่นกันอยากทราบว่าฝ่ายบริหารเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหานั้นอย่างไรบ้างนับตั้งแต่เกิดปัญหานั้นๆขึ้นมา

ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนแสดงว่า ชาวอเมริกันเกินกว่าครึ่งนิดหน่อยไม่เห็นชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของน้ำมัน ที่ท่านประธานาธิบดีดำเนินการไป แต่นักวิเคราะห์บางส่วนรวมทั้งคุณบรู๊ซ บิวแคนัน ด้วยคิดว่า จนถึงขณะนี้ วิกฤติการณ์ดังกล่าวกระทบกระเทือนความเชื่อถือ ที่ประชาชนมีต่อประธานาธิบโอบามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

กล่าวโดยทั่วๆ ไป ผู้ทำหน้าที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนแห่งสำนักแกลลัพ แฟรงค์ นิวพอร์ตเห็นด้วยกับการประเมินข้างต้น แต่เขารีบเตือนด้วยว่า มหาชนอาจหมดความอดทนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาดังกล่าวของรัฐบาลนั้นได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากว่าสถานการณ์ในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้าไม่กระเตื้องดีขึ้น

บางทีเรื่องเดียวที่จะทำให้ประธานาธิบดีโอบามา รู้สึกสบายใจเกี่ยวกับเรื่องการรั่วไหลของน้ำมันก็คือเรื่องที่ประชาชนตำหนิบริษัทบีพีอย่างรุนแรงกว่านั่นเอง ผลของการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันโดยสำนักข่าวแอซโซชิเอตเต็ด เพรซแสดงว่าผู้ที่ตอบคำถามร้อยละ 83 ไม่ชอบผลงานเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งนี้ของบริษัทบีพี

XS
SM
MD
LG