รัฐ Georgia มีชื่อเสียงทางด้านผลิตผลการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกพีช ถั่วพีคาน และไก่ แต่เวลานี้ Georgia มีผลิตผลใหม่ที่อุตสาหกรรมแฟชั่นในยุโรปเป็นลูกค้ารายใหญ่
Camilla เป็นเมืองอยู่ห่างจากนคร Atlanta เมืองหลวงของ Georgia ขับรถราวๆสี่ชั่วโมง และที่ถนน Alligator Lane ในบริเวณชานเมือง มีฟาร์มไก่ใหญ่ของ Mark Glass
นอกจากเลี้ยงไก่แล้ว เขายังเลี้ยงจระเข้ด้วย โรงเลี้ยงไก่นั้นมีราวๆ 20 โรง ส่วนจระเข้มีอยู่หนึ่งแสนตัว
เมื่อโตเต็มที่ จระเข้ หรือ alligator ซึ่งเป็นสัตว์พื้นเมืองในภาคใต้ของสหรัฐ จะมีขนาดยาวถึงสี่เมตรครึ่ง และหนักราวๆ 400 กก. ฟาร์มจระเข้แห่งนี้เป็นฟาร์มใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
Mark Glass บอกว่า เดิมทีนั้น ตั้งใจจะเลี้ยงไก่ขายอย่างเดียว แต่พบความเป็นจริงที่ว่า ราวๆ 5% ของไก่จะตายก่อนถึงตลาด และการกำจัดซากไก่นั้นใช้การฝังหรือไม่ก็เผา Mark Glass พบข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า สู้ค่าแก๊ส propane สำหรับการเผาไก่ไม่ไหว ก็เลยเริ่มทดลองเลี้ยงจระเข้ โดยใช้ซากไก่เป็นอาหารเลี้ยง
เขาเริ่มต้นด้วยการซื้อลูกจระเข้ 750 ตัว อุตส่าห์ขุดบ่อและล้อมรั้วให้ เขาเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า การเลี้ยงจระเข้ใช้เวลามาก และจะใช้ไก่ตายเป็นอาหารเลี้ยงอย่างเดียวไม่พอ จึงเปลี่ยนเข็มธุรกิจ มุ่งเป้ามาที่การขายหนังและเนื้อจระเข้แทน
จระเข้เลี้ยงเจริญพันธุ์ไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ เจ้าของฟาร์มผู้นี้จึงต้องเดินทางไปตามรัฐใกล้เคียงเพื่อเก็บไข่จระเข้มาใส่เครื่องอบฟักตัวที่ฟาร์ม แต่การเลี้ยงต่อจากนั้น ทำในร่ม เพราะเขาพบว่าจระเข้เลี้ยงกลางแจ้งจะดุกว่า และมักต่อสู้กันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อหนังจระเข้ที่จะขาย
Mark Glass ส่งหนังจระเข้ให้กับบริษัทแฟชั่นรายใหญ่ๆ เช่น Louis Vuitton, Hermes, Gucci, Prada และ Chanel และทุกคนต้องการหนังจระเข้ที่ไม่มีแผลเป็น จุดด่างพร้อย หรือรอยขูดขีด ซึ่งหมายความว่าจะต้องควบคุมการเลี้ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วน คุมทั้งบริเวณและอุณหภูมิ
เขาให้ความรู้ด้วยว่า หนังจระเข้ที่ขายนั้น คัดตามขนาด หนังจระเข้อายุ 1 ขวบ มีขนาดเหมาะสำหรับทำสายนาฬิกาข้อมือ ส่วนหนังจระเข้อายุสามขวบ จะกลายเป็นกระเป๋าถือสำหรับคุณผู้หญิง
Camilla เป็นเมืองอยู่ห่างจากนคร Atlanta เมืองหลวงของ Georgia ขับรถราวๆสี่ชั่วโมง และที่ถนน Alligator Lane ในบริเวณชานเมือง มีฟาร์มไก่ใหญ่ของ Mark Glass
นอกจากเลี้ยงไก่แล้ว เขายังเลี้ยงจระเข้ด้วย โรงเลี้ยงไก่นั้นมีราวๆ 20 โรง ส่วนจระเข้มีอยู่หนึ่งแสนตัว
เมื่อโตเต็มที่ จระเข้ หรือ alligator ซึ่งเป็นสัตว์พื้นเมืองในภาคใต้ของสหรัฐ จะมีขนาดยาวถึงสี่เมตรครึ่ง และหนักราวๆ 400 กก. ฟาร์มจระเข้แห่งนี้เป็นฟาร์มใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
Mark Glass บอกว่า เดิมทีนั้น ตั้งใจจะเลี้ยงไก่ขายอย่างเดียว แต่พบความเป็นจริงที่ว่า ราวๆ 5% ของไก่จะตายก่อนถึงตลาด และการกำจัดซากไก่นั้นใช้การฝังหรือไม่ก็เผา Mark Glass พบข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า สู้ค่าแก๊ส propane สำหรับการเผาไก่ไม่ไหว ก็เลยเริ่มทดลองเลี้ยงจระเข้ โดยใช้ซากไก่เป็นอาหารเลี้ยง
เขาเริ่มต้นด้วยการซื้อลูกจระเข้ 750 ตัว อุตส่าห์ขุดบ่อและล้อมรั้วให้ เขาเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า การเลี้ยงจระเข้ใช้เวลามาก และจะใช้ไก่ตายเป็นอาหารเลี้ยงอย่างเดียวไม่พอ จึงเปลี่ยนเข็มธุรกิจ มุ่งเป้ามาที่การขายหนังและเนื้อจระเข้แทน
จระเข้เลี้ยงเจริญพันธุ์ไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ เจ้าของฟาร์มผู้นี้จึงต้องเดินทางไปตามรัฐใกล้เคียงเพื่อเก็บไข่จระเข้มาใส่เครื่องอบฟักตัวที่ฟาร์ม แต่การเลี้ยงต่อจากนั้น ทำในร่ม เพราะเขาพบว่าจระเข้เลี้ยงกลางแจ้งจะดุกว่า และมักต่อสู้กันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อหนังจระเข้ที่จะขาย
Mark Glass ส่งหนังจระเข้ให้กับบริษัทแฟชั่นรายใหญ่ๆ เช่น Louis Vuitton, Hermes, Gucci, Prada และ Chanel และทุกคนต้องการหนังจระเข้ที่ไม่มีแผลเป็น จุดด่างพร้อย หรือรอยขูดขีด ซึ่งหมายความว่าจะต้องควบคุมการเลี้ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วน คุมทั้งบริเวณและอุณหภูมิ
เขาให้ความรู้ด้วยว่า หนังจระเข้ที่ขายนั้น คัดตามขนาด หนังจระเข้อายุ 1 ขวบ มีขนาดเหมาะสำหรับทำสายนาฬิกาข้อมือ ส่วนหนังจระเข้อายุสามขวบ จะกลายเป็นกระเป๋าถือสำหรับคุณผู้หญิง