ลิ้งค์เชื่อมต่อ

การวางระเบิดรถไฟใต้ดิน ในกรุงมอสโคว และกิจกรรมของพวกกบถ ในย่านเทือกเขาคอเคซัสเหนือ ในรัสเซียนั้นจะเกี่ยวข้องกัน


การวางระเบิดรถไฟใต้ดิน ในกรุงมอสโคว และกิจกรรมของพวกกบถ ในย่านเทือกเขาคอเคซัสเหนือ ในรัสเซียนั้นจะเกี่ยวข้องกัน
การวางระเบิดรถไฟใต้ดิน ในกรุงมอสโคว และกิจกรรมของพวกกบถ ในย่านเทือกเขาคอเคซัสเหนือ ในรัสเซียนั้นจะเกี่ยวข้องกัน

ผู้สื่อข่าว วอยซ ออฟ อเมริกา ณ กรุงมอสโค ปีเตอร์ เฟดินสกีมีบทวิเคราะห์เกี่ยวกับภูมิภาคที่ว่านี้ ซึ่งตามประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าต่อต้านการปกครองของรัสเซียมานานเป็นร้อยๆ ปีแล้ว

นายอเลกซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการของบริการด้านการรักษาความมั่นคงแห่งสหพันธ์ของรัสเซียแจ้งให้ประธานาธิบดีรัสเซีย ดิมิตรี เมดเวเดฟทราบในการประชุมซึ่งมีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ว่าผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ จากย่านเทือกเขาคอเคซัสเหนืออาจอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดรถไฟใต้ดิน โดยเขาให้เหตุผลว่าพบหลักฐานจากศพของสตรีสองราย ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือระเบิดพลีชีพที่แสดงว่ามาจากภูมิภาคนั้น แต่เขามิได้ให้รายละเอียดอย่างอื่นๆ

ส่วนนายกรัฐมนตรีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน แสดงความเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายของรัสเซียจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาตัวผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนั้นมาลงโทษ เขาเตือนว่าการพยายามร่วมกันจะสามารถช่วยให้รัสเซียทำลายล้างพวกใต้ดิน และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายนี้ได้

รองประธานสภารัสซีย อเลกซานเดอร์ ตอร์ชินกล่าวต่อสำนักข่าวอินเตอร์แฟกว่า การวางระเบิดอาจเป็นการแก้แค้นการที่หัวหน้าพวกขบถอิสลาม ผู้มีชื่อเสียงสองรายโดนสังหารไปในย่านเทือกเขาคอเคซัสเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ บุคคลทั้งสองโดนกล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับหัวหน้าของพวกอิสลามผู้ฝักใฝ่ความรุนแรง โดกู อูมารอฟในเชชเนีย นายอูมารอฟขู่เมื่อเร็วๆนี้ว่าจะโจมตีกรุงมอสโค

นักวิเคราะห์การเมืองแห่งศูนย์คาร์เนกีประจำกรุงมอสโค นิโคไล เปตรอฟ กล่าวต่อวอยซ ออฟ อเมริกาว่า เนื่องจากผู้ก่อการร้ายในย่านเทือกเขาคอเคซัสเหนือ ประกอบด้วยกลุ่มย่อยๆ เหมือนอย่างข่ายงานก่อการร้ายอัลไคด้า ทำให้เขาสรุปว่าการพูดว่าพวกหัวหน้าเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลนั้นเป็นการพูดที่เกินเลยความจริง และด้วยเหตุนี้การกำจัดคนเหล่านั้นจะไม่หยุดยั้ง การก่อการร้ายได้เพราะกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มปฎิบัติงานอย่างเป็นอิสระ

ในการที่รัสเซียทำสงครามกับเชชเนียสองครั้ง ตั้งแต่ช่วงพุทธทศวรรษที่นับจากปีพุทธศักราช 2533 เป็นต้นมาทำให้ชาวเชชเนียเสียชีวิตไปอาจถึงหนึ่งแสนราย นักวิเคราะห์การเมือง นิโคไล เปตรอฟกล่าวว่าสงครามเหล่านั้นทำให้มีผู้ที่โกรธแค้นจำนวนมากมาย รวมทั้งกลุ่มที่เรียกว่า”แมงมุมพิษสีดำ”อันหมายถึงสตรีผู้สูญเสียผู้ที่พวกเธอรักสุดสวาทขาดใจ ไประหว่างที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงนั้นด้วยที่ยินดีขันอาสาเป็นมือระเบิดพลีชีพ

หัวหน้าแผนกคอเคซัส แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซียให้ความเห็นไว้ตอนนี้ว่า “ สามี พี่ชายหรือบิดาของสตรีผู้นั้น อาจโดนลักพาตัวไปทรมานจนเสียชีวิต ซึ่งทำให้เธอปักใจมั่นว่าจะต้องแก้แค้น “ เขากล่าวด้วยว่าในยุคที่รัสเซียปกครอง ชาวเชชเนียโกรธแค้นนโยบายรัสเซียอย่างเช่นการรวบที่ดิน การไม่มีศาสนา และเรื่องที่มีการเนรเทศชาวเชชเนียนับแสนๆ คนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขากล่าวว่ารัสเซียถอยจากบริเวณดังกล่าว มิได้เพราะจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาแบบลูกโซ่ไม่เฉพาะตามสาธารณรัฐมุสลิม อย่างเช่นทาทาร์สถานและบาสกีเรียเท่านั้น แต่จะยังทำให้ชาวรัสเซียผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดน ในภาคตะวันออกไกลกำเริบเสิบสานขึ้นมาอีกด้วย เขากล่าวว่าชาวรัสเซียในภูมิภาคนั้นไม่พอใจรัฐบาลกลาง ณ กรุงมอสโคและมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถมีเศรษฐสัมพันธ์ที่ดีกับจีนและญี่ปุ่นถ้าตนเป็นเอกราช

ส่วนสาธารณรัฐในย่านเทือกเขาคอเคซัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิงกูเชเตียและดาเกสสถานประสพกับการก่อเหตุรุนแรงอยู่บ่อยๆ ซึ่งรวมถึงการลอบสังหารนักการเมืองและผู้พิพากษาด้วย อนึ่งการฉ้อราษฎร์บังหลวงและความยากจน มีอยู่อย่างแพร่หลายในภูมิภาคนั้นเช่นกัน

คุณนิโคไล เปตรอฟ นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวว่าปัญหาต่างๆ นั้นเกี่ยวโยงกับระบบการเมืองทั้งระบบ โดยเกี่ยวโยงกับเรื่องที่ว่านายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีรัสเซียเป็นที่นิยมของประชาชนมากน้อยแค่ไหนมากกว่า เขากล่าวด้วยว่าถ้าความนิยมเสื่อมคลายลง ซึ่งคาดได้ว่าจะเป็นเช่นนั้นในยามวิกฤติเศรษฐกิจและส่วนหนึ่งเกิดจากทางออกสำหรับแก้ปัญหา เรื่องเชชเนียที่นายกรัฐมนตรีรัสเซียปูตินเสนอไว้ ระบบการเมืองทั้งระบบ ก็จะสูญเสียฐานรองรับเสถียรภาพที่มีอยู่เพียงฐานเดียวนั้นไป




XS
SM
MD
LG