ในค่ำวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม สถานที่สำคัญๆ ตามเมืองใหญ่หลายพันเมืองในนานาประเทศปิดไฟมืดเป็นเวลาหนึ่ง ชั่วโมงตั้งแต่สองทุ่มครึ่งถึงสามทุ่มครึ่ง ในแต่ละเขตเวลาของโลก เนื่องในโอกาส “Earth Hour”
องค์การ World Wildlife Fund จัดให้มีโครงการดับไฟหนึ่งชั่วโมงเพื่อโลกขึ้นปีนี้เป็นปีที่ 4 เพื่อกระตุ้นให้มีการดำเนินงาน ในเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยชักชวนให้ประชาชนหลายร้อยล้านคนปิดไฟตามสถานที่สำคัญ ธุรกิจ และตามอาคารบ้านเรือนเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงดังกล่าว
เป้าหมายของโครงการดับไฟหนึ่งชั่วโมง เพื่อโลกประจำปีมุ่งหมายที่จะให้มีการตระหนักกันมากยิ่งขึ้นถึงภัยคุกคามของความเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศ และมีการลงมือดำเนินงานเพื่อรับมือกับปัญหานี้โดยเร็ว กองทุนพิทักษ์ชีวิตป่าโลก World Wildlife Fund กล่าวว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่สี่ มีประเทศต่างๆ เข้าร่วม 126 ประเทศ เพิ่มจาก 88 ประเทศเมื่อปีที่แล้ว
ชาวบราซิลในนครริโอเดชาเนโร ร่วมงานนี้โดยการปิดไฟตามสถานที่สำคัญๆ อย่างหาดโคปาคาบานา และรูปปั้นขนาดใหญ่ของพระเยซูบนยอดเขา รัฐมนตรีว่าการด้านสิ่งแวดล้อมของบราซิล คาร์โลส มินซ์ กล่าวว่า การลงมือดำเนินงานของผู้บริโภค กระตุ้นการดำเนินงานของบริษัทธุรกิจ แล้วธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกำลังเข้ามาร่วมโครงการ และต่อไปรัฐบาลก็จะต้องทำตามโดยเปลี่ยนนิสัยด้านการใช้พลังานของตน
ในสหรัฐ การปิดไฟหนึ่งชั่วโมงทั่วทั้ง 50 รัฐ เริ่มที่ตึกระฟ้า Empire State ในนิวยอร์คไล่ไปตามเขตเวลาที่ต่างกันจากภาคตะวันออกไปยังภาคตะวันตก ส่วนในยุโรป เมืองหนึ่งที่ร่วมโครงการคือกรุงปารีส ซึ่งปิดไฟที่หอไอเฟลและประตูชัย และในจีน กรุงปักกิ่งมีการปิดไฟที่เมืองต้องห้ามหรือพระราชวังโบราณ สำหรับฮ่องกงซึ่งร่วมโครงการนี้เป็นปีที่สอง ปิดไฟตามตึกระฟ้าทั้งสองฝั่งของอ่าววิคทอเรีย คุณคาเร็น โช แม่บ้านในฮ่องกงคนหนึ่งบอกว่า เป็นโอกาสที่พ่อแม่จะได้สอนให้ลูกๆ เห็นความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างประหยัด ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดนิสัยที่ดีให้แก่คนรุ่นต่อไป
เจ้าหน้าที่ World Wildlife Fund กล่าวว่า โครงการ “Earth Hour” หรือ “หนึ่งชั่วโมงเพื่อโลก” ทำให้มีการประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ช่วงหนึ่ง แต่ผลกระทบทางการเมืองสำคัญกว่านั้น Jim Leape แห่ง World Wildlife Fund กล่าวว่า นี่เป็นโอกาสสำหรับประชาชนทุกหนแห่งผู้วิตกเกี่ยวกับภัยจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จะได้แสดงความรู้สึกความเห็นได้อย่างมีอำนาจโน้มน้าว อันจะเป็นการส่งสัญญาณที่แจ้งชัด ไปยังบรรดาผู้กำหนดนโยบายว่า โครงการนี้เป็นการเรียกร้องทางการเมืองให้มีการลงมือดำเนินงานในทันที และถึงเวลาแล้วที่บรรดาผู้กำหนดนโยบายจะต้องลงมือจัดการกับปัญหา
