รองเท้ากีฬาก้าวหน้าไปไกลอย่างมากในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมา นอกจากเทคโนโลยีในการผลิตจะดูสลับซับซ้อน จนกระทั่งต้องแยกประเภทออกไปเป็น รองเท้าสำหรับวิ่ง สำหรับเดิน สำหรับเล่นเทนนิส เหล่านี้เป็นต้นแล้ว ราคาก็จำแนกสูงต่ำออกไปเป็นอย่างมากด้วย
แต่ผลการวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้กับหลายๆ ท่านที่ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ว่าจะซื้อรองเท้าแบบไหนสำหรับการวิ่งออกกำลังกายก็ได้
ผลงานวิจัยสองชิ้นที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา ชี้แนะว่า รองเท้าสำหรับวิ่งสมัยใหม่ที่เห็นๆกันนั้น อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้นักวิ่งเจ็บตัวมากขึ้นได้
งานวิจัยชิ้นแรก ให้หนุ่มสาวที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง 68 คน วิ่งบน treadmill ให้ได้ระยะทางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 24 กิโลเมตร ในการวิ่งนั้น บางครั้งก็ให้สวมรองเท้าวิ่ง บางครั้งก็ให้วิ่งเท้าเปล่า
ผลที่นักวิจัยพบก็คือ การสวมรองเท้าวิ่งเพิ่มความกดดันให้กับหัวเข่า สะโพก และข้อเท้า มากกว่าการวิ่งเท้าเปล่า ความกดดันที่ว่านี้นักวิจัยกล้าพูดได้เลยว่า มีมากกว่าคุณผู้หญิงสวมรองเท้าส้นสูงเดินเสียอีก
นักวิจัยในงานชิ้นนี้มาจากบริษัท JKM เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเวอจิเนีย และโคโลราโด
และผลงานตีพิมพ์ไว้ในวารสาร American Academy of Physical Medicine
งานอีกชิ้นหนึ่งนั้น อยู่ในวารสาร Nature เป็นงานที่เปรียบเทียบนักวิ่งในสหรัฐกับในเคนยา และทีมงานวิจัยไปจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด มหาวิทยาลัยมอยในเคนยา และกลาสโกว์ในสก๊อตแลนด์
ทีมงานแบ่งอาสาสมัครออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มที่วิ่งเท้าเปล่า ที่สวมรองเท้าวิ่งเสมอ และที่เคยสวมรองเท้าวิ่งแต่เปลี่ยนมาเป็นวิ่งเท้าเปล่า
นักวิจัยพบว่า นักวิ่งที่สวมรองเท้า เวลาวางเท้าลง จะลงส้นก่อน ในขณะที่นักวิ่งเท้าเปล่าจะใช้ส่วนหน้า หรือส่วนกลางของเท้าแตะพื้นก่อน เป็นการผ่อนแรงกระแทก
นักวิจัยให้ความเห็นว่า รองเท้าวิ่งที่ออกแบบมาในสมัยนี้ มีส้นใหญ่และหนักกว่าส่วนอื่นๆของรองเท้า จึงไม่ประหลาดใจที่นักวิ่งสวมรองเท้าจะกระแทกส้นลงก่อน แม้วัสดุที่ใช้ในการทำรองเท้าจะหนาพอที่จะรับแรงกระแทกได้
แต่อย่าเพิ่งด่วนโยนรองเท้าวิ่งทิ้งกัน นักวิจัยแนะนำว่า นักวิ่งอาจจะลองสังเกตตนเอง และฝึกฝนการวิ่งโดยไม่ลงส้นหนัก หรือถ้าอยากจะวิ่งเท้าเปล่าจริงๆ ก็อาจจะต้องไปหาหาดทรายนุ่มๆ วิ่ง เหมือนอย่างนักวิ่งอังกฤษในหนังเรื่อง Chariot of Fire กันก็ได้
