ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิเคราะห์ลงความเห็น จีนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในเวทีการเมือง


บรรดานักวิเคราะห์มีความเห็นว่า การที่จีนขู่ว่าจะคว่ำบาตรบริษัทต่างๆ ที่มีส่วนร่วมใน การจำหน่ายอาวุธให้ใต้หวัน ดังที่สหรัฐประกาศให้ทราบเมื่อเร็วๆ นี้เป็นสัญญาณล่าสุด ที่บ่งบอกถึงการที่จีนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

พวกเขากล่าวว่า ขณะที่การขู่คุกคามดังกล่าว กลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งกับจีน ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่จีนคงไม่น่าที่จะกดดันเร่งรัดเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมื่อมีผลประโยชน์ เชิงการพาณิชย์ของจีนเองเป็นเดิมพัน

ตั้งแต่สหรัฐอนุมัติ ให้จำหน่ายเฮลิคอปเตอร์แบลคฮอคหกสิบเครื่อง ขีปนาวุธที่ยิงจากภาคพื้นดินสู่อากาศหนึ่งร้อยกว่าลูก เรือกวาดทุ่นระเบิดสองลำ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ รวมมูลค่าหกพันล้านกว่าเหรียญสหรัฐให้แก่จีนไต้หวันแล้ว จีนตอบโต้ด้วยการระงับการแลกเปลี่ยนทางทหาร และขู่ว่าจะทำโทษบริษัทเอกชนของสหรัฐ ที่มีส่วนร่วมในการจำหน่ายอาวุธให้จีนไต้หวันนั้น โดยการคว่ำบาตรบริษัทเหล่านั้น

ทำเนียบขาวกำลังเร่งเร้าจีนมิให้ดำเนินการคว่ำบาตร โดยอ้งว่าการทำเช่นนั้นไม่มีเหตุผลรองรับ

หัวหน้าสำนักงาน Defense Newsประจำเอเชีย เวนเดล มินนิคกล่าวไว้ตอนนี้ว่า " จีนเอาวิธีการแบบเดียวกับที่สหรัฐใช้นั้นมาใช้ คุณจำได้ไหมว่า เราคว่ำบาตรบริษัทที่ติดต่อทำธุรกิจกับอิหร่าน และเกาหลีเหนือ จีนรู้เรื่องนี้ และก็นำเทคนิคแบบเดียว กับที่ฝ่ายอเมริกันเคยใช้มาตลอดกาลนั้นมาใช้บ้าง "แต่คุณเวนเดล มินนิคกล่าวเสริมว่า ถึงมาตรว่าจีนจะดำเนินการคว่ำบาตรจริงๆ แต่ก็ไม่น่าที่จีนจะเล่นงานบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นทุกบริษัท ทั้งนี้เพราะจีนต้องการให้บริษัทอย่างเช่น โบอิ้ง หรือซีกอร์สกี้มาช่วยปรับปรุงขีดความสามารถ ด้านการบินของจีนให้ดีขึ้น บริษัทRaytheon และLockheed Martin บริษัทโบอิ้งและบริษัทซีคอร์สกี้นั้น รวมอยู่ในหมู่บริษัทที่จำหน่ายอาวุธให้จีนไต้หวัน

แต่บริษัทที่มีผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากที่สุด ในเมืองจีนได้แก่บริษัทสร้างเครื่องบินพาณิชย์โบอิ้ง ซึ่งบริษัทในเครือของตนคือแมคดอนเนล ดักลาส เป็นผู้มีสัญญาที่จะจำหน่ายขีปนาวุธฮาร์พูน สำหรับปราบเรือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างสหรัฐและจีนไต้หวัน

บริษัทโบอิ้งกล่าวว่า จีนจะต้องการเครื่องบินพาณิชย์ใหม่ อีกสามพันเจ็ดร้อยกว่าลำ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดราวสี่แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปีพุทธศักราช 2571 บริษัทโบอิ้งไม่ยอมแสดงทัศนวิจารณ์ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องที่จีนขัดแย้งกับสหรัฐ ในเรื่องการจำหน่ายอาวุธให้จีนไต้หวัน โดยอ้างว่าเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล

คุณสตีเฟ่น เยตส์ ประธานของบริษัทที่ปรึกษา เอเชียแอดไวซรี ณ กรุงวอชิงตันคิดว่าถ้าจีนทำตามคำขู่ที่ว่า จะคว่ำบาตรจริง ก็จะเป็นครั้งแรกที่จีนทำเช่นนั้น แต่เขาคิดว่าจีนไม่น่าจะทำเช่นนั้น เพราะจะทำให้รัฐสภาอเมริกันไม่พอใจ และเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลชุดประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้ใช้แนวพินิจที่ร้ายกาจยิ่งขึ้นต่อจีน

ส่วนคุณบอนนี เกลเซอร์ นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์ยุทธศาสตร์ และวิเทศคดีศึกษา ณ กรุงวอชิงตันคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และจีนอาจเสื่อมคลายลงไปนิดหน่อย แต่คงจะเป็นเช่นนั้นไม่นาน เพราะทั้งฝ่ายจีนและสหรัฐต้องการจะกลับมา มีความสัมพันธ์ที่ดีกันใหม่อีกนั่นเอง คุณบอนนี เกลเซอร์กล่าวด้วยว่าโอกาสที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีจีน หูจิ่นเท้าก็มีอยู่ อย่างเช่นตอนที่จะมีการประชุมสุดยอด เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ ณ กรุงวอชิงตันในเดือนเมษายนนี้ หรือไม่ก็ตอนมีการประชุมสุดยอดของกลุ่มจี-20 ที่แคนาดาในเดือนมิถุนายนนี้



XS
SM
MD
LG