ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะมีอะไรเกิดขึ้น ในวงการฟุตบอลโลกซึ่งถือเป็นกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ทั่วโลกบ้างนั้น คุณทรงพจน์ สุภาผล ของวีโอเอภาคภาษาไทย จะถ่ายทอดรายงานของผู้สื่อข่าว David Byrd ที่สรุปความเคลื่อนไหววงการฟุตบอลโลกประจำปี 2009 มาเสนอ
ปี 2009 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงนี้ เป็นปีที่ดุเดือดสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกของทวีปต่างๆ เพื่อหา 32 ทีมสุดท้ายเข้าไปแข่งขันรอบสุดท้าย ที่อาฟริกาใต้ในช่วงกลางปีหน้า ข่าวใหญ่ในวงการฟุตบอลโลกปีนี้ข่าวแรก ก็คือชัยชนะที่น่ากังขาของฝรั่งเศส ที่มีต่อไอร์แลนด์ในการแข่งขันเพลย์ออฟของทวีปยุโรปเมื่อเดือนพฤศจิกายน จากการที่เธียรี่ อองรี ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสใช้มือช่วยในลูกที่ฝรั่งเศสได้ประตูนำ 2-1 โดยผู้ตัดสินไม่เป่าฟาล์ว และเป็นประตูที่ทำให้ไอร์แลนด์ต้องพลาดตั๋วสู่อาฟริกาใต้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีการวิจารณ์อย่างกว้างขวางในทำนองเดียวกับ หัตถ์พระเจ้าของดีเอโก้ มาราโดน่า ในฟุตบอลโลกปี 1986 เลยทีเดียว ทางไอร์แลนด์ส่งเรื่องประท้วงกับทางสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศหรือฟีฟ่า และฟีฟ่าปฏิเสธที่จะให้ไอร์แลนด์เป็นทีมที่ 33 ที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ประธานฟีฟ่า นายเซบบ์ แบลตเตอร์ ยืนยันว่า คำตัดสินของผู้ตัดสินในสนามถือเป็นที่สิ้นสุด และจะไม่มีการใช้ผู้ตัดสินเพิ่ม ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2010 เด็ดขาด
แต่ไม่ใช่แค่คู่ระหว่างฝรั่งเศส และไอร์แลนด์เท่านั้นที่มีปัญหา ทางทวีปแอฟริกา อียิปต์ได้ออกมาประท้วงผลการแข่งขันเพลย์ออฟ ที่พ่ายแพ้ต่ออัลจีเรียไปฉิวเฉียด 1-0 ในสนามกลางที่ประเทศซูดาน ซึ่งส่งให้อียิปต์ตกรอบ และอัลจีเรียคว้าตั๋วสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี ผลการแข่งขันในสนามนั้นได้นำไปสู่ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างอียิปต์กับซูดานในเวลาต่อมา โดยอียิปต์ กล่าวหาว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของซูดานไม่ดีพอ ทำให้แฟนฟุตบอลชาวอียิปต์ถูกทำร้ายระหว่างการแข่งขัน
ต้องบอกว่าตอนนี้ความสนใจของแฟนลูกหนังทั่วโลก กำลังมุ่งไปที่อาฟริกาใต้ อดีตประธานาธิบดีอาฟริกาใต้ นายเนลสั้น เมลเดลล่า กล่าวในพิธีจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายว่า ชาวอาฟริกาใต้รู้สึกพิเศษแต่ก็เจียมตัว ในฐานะประเทศอาฟริกันประเทศแรกซึ่งได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
และแม้จะยังมีคำถาม ถึงความพร้อมของอาฟริกาใต้ในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ แต่ประธานฟีฟ่า เซบบ์ แบลตเตอร์ ยังคงมั่นใจว่า ฟุตบอลโลก 2010 จะเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
ประธานฟีฟ่ากล่าวว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะทำให้ทั่วโลกรู้จักทวีปอาฟริกามากขึ้น และเพราะอาฟริการอคอยมานานแล้วว่า จะได้รับโอกาสพิเศษที่สำคัญยิ่งเช่นนี้
มาที่ฟุตบอลระดับสโมสรบ้าง สำหรับปีนี้คงไม่มีใครแย้งว่า สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ บาร์เซโลน่าของเสปนนั่นเอง โดยปีนี้ทีมจากแคว้นคาตาลันสามารถคว้าไปได้ถึง 6 ถ้วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก และล่าสุดถ้วยสโมสรโลก ซึ่งก็ส่งผลให้ดารานักเตะอันดับ 1 ของทีมบาร์เซโลน่า ลีโอเนล เมสซี่ ตัวทำเกมชาวอาร์เจนติน่า คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟ่า และรางวัลลูกบอลทองคำของยุโรปไปครอง และแม้ในตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำทศวรรษของนิตยสาร Soccer World เมสซี่จะต้องพ่ายแพ้ให้กับรุ่นพี่ชาติเดียวกัน โรนัลดินโญ่ แต่สำหรับวันนี้ นาทีนี้ คงต้องบอกว่าไม่มีนักฟุตบอลคนไหนเก่งไปกว่านักเตะอาร์เจนติน่าผู้นี้
และทางด้านอันดับของทีมฟุตบอลแต่ละประเทศในขณะนี้ ตามการจัดอันดับของฟีฟ่านั้น เสปนยังคงยืนอยู่ในอันดับ 1 เช่นเคย ตามมาด้วยบราซิลที่อันดับสอง และเนเธอร์แลนด์หรือฮอลแลนด์ที่อันดับ 3 และอิตาลีอยู่อันดับ 4
สำหรับทีมฟุตบอลไทยนั้น ล่าสุดหลังจากตกรอบซีเกมส์ ก็ตกไปอยู่ที่อันดับ 105 ของโลกแล้ว
