ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รายงานของสหประชาชาติระบุว่า ผู้ป่วยเป็นเอดส์รุ่นใหม่รอบโลก กำลังมีจำนวนลดลง


รายงานที่สหประชาชาติ และองค์การอนามัยโลกร่วมกันพิมพ์ออกเผยแพร่ระบุว่า ผู้ป่วยเป็นเอดส์รุ่นใหม่รอบโลกกำลังมีจำนวนลดลง แต่ระบุด้วยว่าเอดส์กำลังเป็นโรคระบาด ที่กำลังวิวัฒน์และจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงการป้องกัน เพื่อให้เหมาะกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ

รายงานล่าสุดของสหประชาชาติ เกี่ยวกับโรคเอดส์สำหรับปีพุทธศักราช 2552 ระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่ มีจำนวนน้อยกว่าของเมื่อช่วงแปดปีก่อน 17 เปอร์เซ็นต์

ทางเอเชียตะวันออก และย่านซับ-สะฮาราทางแอฟริกานั้น ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส เอชไอวี รุ่นใหม่มีจำนวนลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ และ 15 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

คุณคาเรน สตาเน็กกี นักวิทยาการอาวุโส ด้านการระบาดของโรคแห่งโครงการเกี่ยวกับเชื้อไวรัส เอชไอวีและเอดส์ของสหประชาชาติกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "จำนวนผู้ติดเชื้อ ไวรัสเอชไอวี รุ่นใหม่ลดลงไปก็จริง แต่ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส เอชไอวี และยังมีชีวิตอยู่นั้น ยังคงมีจำนวนเท่าเดิมเพราะผู้ที่รับการบำบัดรักษามีจำนวนมากขึ้น และมีชีวิตยืนยาวกว่าเดิม ดังนั้น ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีและยังมีชีวิตอยู่อาจมีจำนวนเพิ่มขึ้นในบางกรณี"

คุณคาเรน สตาเน็กกีกล่าวด้วยว่าการที่คนติดเชื้อไวรัส เอชไอวีรุ่นใหม่มีจำนวนลดลงไปเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ทว่ายังมีเรื่องที่จะต้องทำต่อไปอีกหลายเรื่อง ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่ในแอฟริกามีจำนวนสี่แสนรายในปีพุทธศักราช 2551 และผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่ตามบริเวณต่างๆ ในโลกมีจำนวนมากมายกว่านั้น คุณคาเรนสตาเน็กกีกล่าวต่อไปว่า ตามการกะประมาณ ในปีพุทธศักราช 2551 มีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่ ราวสองล้านเจ็ดแสนราย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่ ยังมีจำนวนมากอย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยกว่าที่พบเห็นกันในอดีต

ตามรายงานฉบับนี้ ในปีพุทธศักราช 2551ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกมีจำนวนสามสิบล้านรายและที่เสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ที่เกี่ยวโยงกับโรคเอดส์มีจำนวนสองล้านราย

คุณคาเรน สตาเน็กกีกล่าวว่าจะต้องเพ่งเล็ง เรื่องที่จำเป็นต้องทำในด้านการป้องกันโรคเอดส์ให้มากกว่านี้ เธอยกตัวอย่างให้ดูว่า โครงการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี สำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 25 ปีที่มีความสัมพันธ์ที่มั่นคง และผู้ที่เป็นพ่อหม้ายและผู้ที่หย่าร้างนั้นมีอยู่ไม่กี่โครงการและว่าคนในกลุ่มเหล่านี้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีกันมากในย่านซับ-สะฮาราทางแอฟริกา

รายงานระบุด้วยว่า งบเพื่อการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีของหลายประเทศนั้น มีจำนวนน้อยกว่าเพื่อนในบรรดางบเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่สวาซีแลนด์ ซึ่งตามการกะประมาณนั้น พลเมืองร้อยละ 25 ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี แต่ตั้งงบเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ไว้แค่ร้อยละ 17

ย่านซับ-สะฮาราทางแอฟริกามีประชากรเท่ากับร้อยละ 10 กว่าๆ ของประชากรโลก แต่มีผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่เท่ากับร้อยละเกือบ 70ของจำนวนผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก


XS
SM
MD
LG