ผลของการศึกษาวิจัยครั้งใหม่ระบุว่า ประชาชนในรัสเซียเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวโยงกับ แอลกอฮอล์ และยาสูบปีละราวๆ หนึ่งล้านราย
และในช่วงหลายปีมานี้ ในหมู่ชาวรัสเซียที่เสียชีวิตนั้น มากกว่าครึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในวัยตั้งแต่สิบห้า ถึงห้าสิบสี่ปีที่เสียชีวิตเนื่องจากแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รัสเซียวิตกกังวล ในรัสเซียทุกวันนี้คนตายมากกว่าคนเกิด องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า สามารถคาดได้ว่าชายรัสเซียจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุไม่เกินหกสิบปี ในสหรัฐ ชายอเมริกันเฉลี่ยแล้ว จะมีชีวิตอยู่ถึงอายุเจ็ดสิบห้าปี ข้อมูลสถิติของสหประชาชาติแสดงว่า ประชากรรัสเซียลดลงปีละครึ่งเปอร์เซ็นต์
ส่วนผลของการศึกษาวิจัยที่ลงพิมพ์ในวารสารอังกฤษ The Lancet ระบุว่าการเสพย์สุราและการสูบยาสูบทำให้คนรัสเซียเสียชีวิตในอัตราที่สูงกว่าทางยุโรปตะวันตกมาก
คุณ อันเดร ดีมินแห่งสมาคมสาธารณสุข อันเป็นองค์กรที่มิใช่ภาครัฐในกรุงมอสโคว์กล่าวว่า เรื่องที่ว่านี้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ประชากรในรัสเซีย ซึ่งกำลังคุกคามอนาคตของรัสเซียเอง เขากล่าวว่าผู้ใหญ่ชาวรัสเซียเฉลี่ยแล้วดื่มเหล้าวอดก้าปีละ 50 ขวดและว่าที่มีการเสพย์สุรากันมากก็เพราะเหล้า และยาสูบราคาถูกตามร้านในกรุงมอสโคว์ บุหรี่ราคาซองละ 30 เซ็นต์สหรัฐและเบียร์ราคาไม่ถึงหนึ่งเหรียญสหรัฐ ทำให้พูดได้ว่าน้ำยังแพงกว่าเสียอีก
ประธานาธิบดีรัสเซีย ดีมีตรี เมดเวเดฟ กล่าวว่า วิกฤติการณ์เกี่ยวกับสุขภาพเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง
แต่คุณ อันเดร ดีมิน โทษนายกรัฐมนตรีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ว่าไม่ขึ้นภาษียาสูบและเครื่องดื่มเจือแอลกอฮอล์
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย ตาเตียนา โกลิโกวา กล่าวว่าการขึ้นภาษีเครื่องดื่มเจือแอลกอฮอล์ และยาสูบจะต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่านรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าการขึ้นภาษีสินค้าที่คนนิยม จะต้องคำนึงถึงผลสะท้อนที่จะเกิดตามมาในสังคม และว่าการขึ้นภาษีจะต้องดำเนินเป็นขั้นๆไป เราจะต้องผลักดันให้มีการตัดสินใจที่ว่านั้นต่อไป แต่เรื่องนั้นจะยังไม่เกิดขึ้นในขณะนี้
ความนิยมที่ประชาชนมีต่อผู้นำโซเวียต มิคาอิล กอร์บาชอฟลดลงไปเมื่อเขานำกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการดื่มเหล้ามาใช้บังคับตอนช่วงพุทธทศวรรษที่ 2523 รัฐบาลรัสเซียในปัจจุบันลือกใช้วิธีโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ชาวรัสเซียดูแลตัวเอง และเตือนพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงต่างๆ อันเกิดจากการสูบบุหรี่จัดหรือเสพย์สุรามากๆ นั้นแทน
