ปธน. บารัค โอบามาจะดำรงตำแหน่งปธน.อเมริกันมาครบ 200 วันแรกในวันศุกร์นี้ในขณะที่บรรดาผลของการสำรวจความคิดเห็น ของประชาชนอเมริกันบ่งชี้ว่าประชาชนอเมริกันให้ความสนับสนุนเรื่องภายในประเทศ ที่ท่านปธน.จัดลำดับความสำคัญไว้ในอันดับสูงเรื่องหนึ่งนั้นน้อยลงไป
เรื่องที่ว่านี้ ผิดกับตอนที่ท่านประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งมาครบ 100 วันแรกมากทีเดียว ในช่วงนั้น ผลของการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกัน แสดงว่าท่านประธานาธิบดีได้รับความสนับสนุนอย่างแข็งขันมาก และเคลื่อนไหวผลักดันให้แผนการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจผ่านรัฐสภาอเมริกันได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่สนับสนุนประธานาธิบดี โอบามา หวังว่า หลังจากเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจบางอย่างแสดงว่าเศรษฐกิจกำลังกระเตื้องดีขึ้น คงจะทำให้ท่านประธานาธิบดีได้รับการสนับสนุนทางการเมืองเพิ่มขึ้น
เศรษฐกร สจ๊วต ฮอฟฟ์แมนแห่งกลุ่มบริษัทบริการทางการเงิน พีเอ็นซีกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ผมคิดว่าภาวะเศรษฐกิจซบเซา กำลังจะยุติลงแล้วในขณะนี้ และในอีกสองสามเดือนข้างหน้าก็จะเป็นช่วงสุดท้ายของภาวะเศรษฐกิจซบเซาแล้ว"
ประธานาธิบดี โอบามารีบตั้งข้อสังเกตให้ฟัง เกี่ยวกับเรื่องที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มกระเตื้องดีขึ้นในระยะเร็วๆ นี้โดยท่านประธานาธิบดีนำวิธีการแบบตอนหาเสียงเลือกตั้งมาใช้ คือจัดให้มีการชุมนุมฟังคำปราศรัยเพื่อกระตุ้นใจประชาชนให้สนับสนุน ความคิดริเริ่มของท่านเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบริบาลสุขภาพ แต่ความปรารถนาของท่านประธานาธิบดี ที่จะบอกมหาชนว่าการที่เศรษฐกิจกระเตื้องดีขึ้นเล็กน้อยว่า เป็นผลงานของท่านนั้น โดนแนวโน้มที่ว่ายังมีการสูญเสียตำแหน่งงานต่อไปซึ่งกว่าจะได้รับการผันกลับ ไปในทางตรงกันข้ามได้ก็คงต้องจะใช้เวลาอีกหลายเดือนนั้นมาขัดจังหวะอยู่
เศรษฐกิจที่กระเตื้องดีขึ้นนั้น จะช่วยให้ท่านประธานาธิบดีสามารถผลักดัน แผนการปฏิรูประบบบริบาลสุขภาพ อันเป็นงานชิ้นสำคัญยิ่งชิ้นหนึ่ง ของท่านนั้นให้รุดหน้าขณะที่แผนการดังกล่าวกำลังค่อยๆเขยิบผ่านกรรมาธิการคณะต่างๆ ในรัฐสภาไปอย่างเชื่องช้า
ในช่วงที่รัฐสภาอเมริกันหยุดพักร้อนนานทีเดียวนี้ ฝ่ายเดโมแครตจะใช้เวลาในช่วงนี้จูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงสนับสนุนแผนการดังกล่าว ในขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันจะยังคงคัดค้านแผนการนั้นต่อไปโดยอ้างว่าแผนการต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และจะมีภาครัฐเข้ามาเกี่ยวพันมากเกินควร
นักวิเคราะห์ทางการเมืองกล่าวว่า ช่วงอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับความคิดริเริ่มของท่านประธานาธิบดี เกี่ยวกับแผนการปฏิรูประบบบริบาลสุขภาพ
ผลของการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกัน ผู้มีสิทธิออกเสียงเมื่อเร็วๆนี้แสดงว่าถึงแม้ประชาชนยังคงนิยมท่านประธานาธิบดีอยู่ค่อนข้างมากก็ตาม แต่ความสนับสนุนที่มีต่อแผนการปฎิรูประบบบริบาลสุขภาพนั้นแผ่วลงไป
จุดมุ่งหมายหลักของความคิดริเริ่ม เกี่ยวกับแผนการปฏิรูประบบบริบาลสุขภาพก็คือท่านประธานาธิบดีต้องการช่วยให้ชาวอเมริกัน 47 ล้านคน ที่ขณะนี้ยังไม่มีการประกันสุขภาพให้สามารถมีประกันสุขภาพได้ และต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการบริบาลสุขภาพที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งท่านประธานาธิบดีบอกว่า กระทบกระเทือนทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ
แต่ในระยะไม่กี่สัปดาห์มานี้ ฝ่ายรีพับลิกันประสพความสำเร็จอยู่บ้าง ในการทำให้คนเกิดความลังเลใจเกี่ยวกับแผนการดังกล่าว
นักวิเคราะห์ทางการเมือง ณ กรุงวอชิงตัน สจ๊วต โรเธนเบิร์ก ผู้ได้รับเชิญมาร่วมในรายการ "Encounter Program " ของ Voice of America กล่าวไว้ตอนนี้ว่า " เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือ จุดที่คนพุ่งความสนใจเปลี่ยนจากปรัชญา เกี่ยวกับการให้ทุกคนมีการประกันสุขภาพและการลดค่าใช้จ่าย ในเรื่องนี้ลงไปสู่จุดที่ว่า การประกันสุขภาพที่จะมีในอนาคตนั้นจะดีเท่ากับของที่มีอยู่แล้วในขณะนี้หรือไม่? และคุณภาพของการบริบาลสุขภาพจะดีเท่าของเดิมหรือไม่?"
ส่วนนักวิเคราะห์ จอห์น ฟอร์เทียร์แห่งสถาบันวิสาหกิจแห่งอเมริกา ผู้ได้รับเชิญมาร่วมในรายการเดียวกันคาดหมายว่าการต่อสู้ทางการเมือง เกี่ยวกับเรื่องการบริบาลสุขภาพในเวลาข้างหน้าจะยุ่งยากและยาวนานทีเดียว
ในระยะไม่กี่เดือนมานี้ ประธานาธิบดี บารัค โอบามาพุ่งความสนใจไปที่ประเด็นปัญหาภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วงอีกหลายเดือนข้างหน้า ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศรวมทั้งอัฟกานิสถาน อาจกลายเป็นประเด็นที่เข้ามาเบนความสนใจไปจากประเด็นปัญหาภายในประเทศก็ได้
