ลิ้งค์เชื่อมต่อ

องค์การอนามัยโลกชี้ วัณโรค กับเชื้อวรัสเอชไอวี เกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด


รายงานฉบับใหม่ขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่า วัณโรค กับเชื้อไวรัสเอชไอวี เกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด องค์การอนามัยโลกนำรายงานชื่อ การควบคุมวัณโรคแห่งโลก ออกเผยแพร่ในวันวัณโรคแห่งโลก

องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ในปีพุทธศักราช 2550 มีผู้ป่วยเป็นวัณโรคเกือบ 9 ล้าน 3 แสนราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียและแอฟริกา และในหมู่ผู้ป่วยรายใหม่ๆ นี้ หนึ่งล้านสี่แสนราย หรือ ร้อยละ 15 เกี่ยวโยงกับเชื้อไวรัส เอชไอวี ดร. ปีเตอร์ แวนมาเรน แห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ในปีพุทธศักราช 2550 นั้น มีผู้เป็นวัณโรคชนิดที่ดื้อยารายใหม่ 112,000 รายเฉพาะในประเทศจีนประเทศเดียว และคาดว่าตัวเลขสำหรับปีที่แล้วคงคล้ายคลึงกัน ส่วนสำนักงานภาคแปซิฟิกตะวันตกขององค์การอนามัยโลกที่กรุงมนิลารายงานว่า ในภาคนั้นของโลก มีผู้ติดเชื้อวัณโรครายใหม่วันละราวๆ 5,000 ราย และบางรายนั้นติดเชื้อวัณโรคชนิดที่ดื้อยาหลายขนาน

รายงานเรื่องการควบคุมวัณโรคแห่งโลกระบุว่า พบว่าผู้ที่เสียชีวิตทุก 1 ใน 4 ราย หรือราว 5 แสนรายนั้นเกี่ยวโยงกับเชื้อไวรัส เอชไอวี ซึ่งนับว่าสูงกว่าที่เคยคาดคิดกันไว้สองเท่าตัว

ผู้อำนวยการกอง เอชไอวี เอดส์แห่งองค์การอนามัยโลกดร. เควิน เดอ ค็อค กล่าวว่า การที่ผู้เสียชีวิตด้วยวัณโรคในหมู่ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขเรื่องโรคระบาดทั้งสองนี้ แบบมีการประสานงานกันอย่างดี เขากล่าวว่าภาระในการขจัดปัญหาระหว่างเรื่องเชื้อไวรัส เอชไอวี และวัณโรคนั้นไม่เท่าเทียมกัน

เขากล่าวไว้ตอนนี้ว่า " ผู้ที่เป็นวัณโรคที่เกี่ยวโยงกับเชื้อไวรัส เอชไอวี ราว 79 เปอร์เซ็นต์นั้นอยู่ทางย่านซับ- สะฮาราทางแอฟริกา และอีกราว 11 เปอร์เซ็นต์อยู่ทางภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในบรรดาห้าประเทศในโลก ที่มีผู้เป็นวัณโรครายใหม่ๆ มากที่สุดในแต่ละปีนั้น สองประเทศคือแอฟริกาใต้ และไนจีเรียประสพภาวะเชื้อไวรัสเอชไอวี ระบาดโดยทั่วไป และมีประชากรติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เป็นจำนวนมาก "

ดร. เควิน เดอ ค๊อคกล่าวว่าผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ในไนจีเรียมีจำนวนต่ำกว่าในแอฟริกาใต้แต่เพราะการที่ประเทศมีประชากรมากทีเดียว หลายต่อหลายคนติดเชื้อวัณโรค

เขากล่าวว่าผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่มีชีวิตอยู่เสี่ยงต่อการเป็นวัณโรคมากกว่าผู้ที่มิได้ติดเชื้อไวรัส เอชไอวี ราวๆ 20 เท่า และว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตรวจคนที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ว่าเป็นวัณโรคหรือไม่ เพื่อที่ว่าพวกจะได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสมและป้องกันมิให้วัณโรคแพร่กระจายออกไป

รายงานขององค์การอนามัยโลกฉบับนั้นระบุว่า การตรวจเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชไอวี ในหมู่ผู้เป็นวัณโรคนั้น ทำกันมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกาใต้ ผลที่เกิดตามมาก็คือมีผู้ได้รับการบำบัดรักษาที่ตนต้องการนั้นมากขึ้น ถึงแม้ว่ายอดรวมของเรื่องดังกล่าวยังต่ำอยู่ก็ตาม

องค์การอนามัยโลกเตือนว่าวัณโรคชนิดที่ดื้อยากำลังมีมากขึ้น และเป็นตัวก่อปัญหาใหญ่หลวงบางประการ ในปีพุทธศักราช 2550 องค์การอนามัยโลกกะประมาณว่า ผู้เป็นวัณโรคชนิดที่ดื้อยาหลายขนานมีจำนวนราว 500,000 ราย แต่ไม่ถึงร้อยละหนึ่งได้รับการบำบัดรักษา องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าในระยะสองสามปีที่ผ่านมา มีการปราบทั้งวัณโรค และเชื้อไวรัสเอชไอวี ทีอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่วัณโรคยังคงคร่าห์ชีวิตผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ไปมากกว่าโรคอื่นๆ และว่าจำเป็นต้องดำเนินงาน และทุ่มเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน การบำบัดรักษา และการบริบาลวัณโรคทั่วโลกนั้นให้มากขึ้น


XS
SM
MD
LG