วิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลกระทบทุกส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงาน เฉพาะในอเมริกา อัตราคนว่างงานในขณะนี้เพิ่มขึ้นไปถึง 7.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เคยมีมาในช่วง 16 ปีมานี้
และในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และรัฐสภากำลังพิจารณาแผน ที่จะให้ความช่วยเหลือธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเจริญก้าวหน้าได้อีกครั้งหนึ่งนั้น ประชาชนคนธรรมดาหาทางออกเพื่อช่วยตนเอง และครอบครัวกันอย่างไรบ้าง
เฉพาะในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีคนตกงานเดือนละกว่าห้าแสนคน และถ้าจะนับตั้งแต่เริ่มภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเริ่มต้นในเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 2007 แล้ว ธุรกิจในอเมริกาทั้งใหญ่ และเล็กตัดตำแหน่งงานลงไปแล้ว 3 ล้าน 6 แสนตำแหน่ง
คำถามก็คือ ผู้คนโดยทั่วไปหาทางออกเพื่อช่วยตนเองและครอบครัวกันอย่างไรบ้าง รายงานข่าวทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์มีเรื่องของอดีต CEO ที่เวลานี้ต้องไปเป็นคนทอดแฮมเบอร์เก้อร์ขายตามร้านอาหาร Fast Food หรือไปชงกาแฟขายที่ร้าน Starbucks ให้ได้ฟังได้อ่านกันมากขึ้น
แต่ที่เมืองออร์แลนโด (Orlando) รัฐฟลอริด้า ลอริน ดันน์ (Laurin Dunn) เปลี่ยนงานจากนายหน้าขายเงินกู้สำหรับซื้อบ้านที่ทำมานาน 7 ปี ไปเป็นพนักงานรับคนไข้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
คุณลอริน บอกว่า เขาสนุกกับธุรกิจการซื้อขายบ้าน แต่มีครอบครัวและต้องคิดถึงเรื่องปากท้องเป็นหลัก และในเวลานี้ ไม่มีจะทางทำมาหากินได้เลยในธุรกิจการซื้อขายบ้าน
คุณลอรินได้งานเป็นพนักงานรับคนไข้ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว งานสำคัญของเขา คือ การจัดบันทึกข้อมูลสำหรับการเก็บค่ารักษาพยาบาล
สถิติของรัฐบาลสหรัฐชี้ให้เห็นว่า ในปีที่แล้วอุตสาหกรรมการบริการสุขภาพในประเทศเพิ่มตำแหน่งงานมากกว่า 750,000 ตำแหน่งงาน ทวนกระแสการลดตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมอื่นๆทั้งหมด แม้กระทั่งอุตสาหกรรม IT
เว็บไซต์สำหรับการหางาน Jobfox จัดอันดับงานพยาบาลและงานฝ่ายการบริหารทางการแพทย์ เป็นอาชีพงานสองประเภทที่กล่าวได้ว่าปลอดภัยที่สุดในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
คุณลอรินบอกว่า ยังไงๆ คนเราก็ต้องมีการเจ็บไข้ได้ป่วย และต้องมีคนช่วยเหลือดูแล และเชื่อว่าอุตสาหกรรมการแพทย์ เป็นธุรกิจที่ก้าวหน้าเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
