เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันคริสต์มาส ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุข ขณะนี้ในสังคมอเมริกันกำลังมีข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง เรื่องค่านิยมใหม่ของวันคริสต์มาสที่ควรเปลี่ยนจากการส่งความสุข ด้วยการซื้อของขวัญราคาแพงๆ ให้กัน มาเป็นการบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล เพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
เมื่อพูดถึงวันคริสต์มาส หลายคนรอคอยวันนี้ เพราะเป็นวันหยุดที่ญาติพี่น้องจะมารวมกัน และที่สำคัญคือการได้รับหรือได้แลกเปลี่ยนของขวัญ
แต่ใกล้ถึงคริสต์มาสทีไรก็มีข้อถกเถียงว่า ในระยะหลังๆ วันเวลาแห่งความสุขนี้ถูกทำให้กลายเป็นการพาณิชย์มากเกินไปแล้วหรือเปล่า เพราะบริษัทห้างร้านจะใช้ช่วงเวลานี้โหมโฆษณาลด แลก แจก แถม เพื่อดึงเงินในกระเป๋าผู้บริโภค จึงถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ควรเปลี่ยนค่านิยมการใช้เงินมากมายไปกับการซื้อของขวัญมาเป็นการบริจาคเงินทำกุศลเพื่อ ผู้ยากไร้จะได้มีความสุขในวันคริสต์มาสเหมือนคนอื่นๆ
ที่รัฐคอนเนคติกัต ครอบครัว “เดอลิโอห์”ซึ่งมีฐานะร่ำรวย ซื้อโฆษณาในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ 6 ฉบับของสหรัฐฯ เพื่อเสนอค่านิยมใหม่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส และใช้เงินอีก 2 ล้านดอลลาร์เพื่อการรณรงค์นี้
ค่านิยมใหม่ การบริจาคเงินเข้าองค์กรการกุศล แทนการซื้อของขวัญให้กันในวันคริสต์มาสได้ทำให้เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง มีทั้งผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่นักเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ และตามเว็บไซด์ที่บันทึกข้อมูลส่วนตัวต่างชื่นชมแนวคิดนี้ ด้วยเห็นว่าเป็นวิธีที่เป็นรูปธรรม ที่จะลดการมุ่งหาประโยชน์แต่ในเชิงพาณิชย์ในช่วงเทศกาลเช่นนี้
แต่หลายคนกลับมองว่า การซื้อและแลกเปลี่ยนของขวัญในวันคริสต์มาส ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย น่ารังเกียจไปเสียทั้งหมด เพราะยังมีด้านดีเช่นเป็นการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก และคนงานอีกนับแสน ให้มีรายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังถดถอยอยู่ในเวลานี้ หรือบางคนบอกว่า แม้การบริจาคเงินให้มูลนิธิ ดูมีประโยชน์แก่สังคมในวงกว้างมากกว่าการให้ของขวัญ แต่องค์กรการกุศลบางแห่ง ก็จะหักเงินบริจาคก้อนโตไปเป็นค่าบริหารงาน เหลือเงินเพียงเล็กน้อย ที่ไปถึงมือของผู้ยากไร้หรือที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
ยังไม่มีใครบอกได้ว่า
แนวคิดใหม่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส จะทำให้คนหันมาบริจาคเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็กระตุ้นให้สังคม
หันมาถกเถียงถึงสิ่งที่ควรจะทำเพื่อความสุขอย่างแท้จริงในวันพิเศษเช่นนี้
