ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สถานการณ์ด้านโรคเอดส์ ในประเทศอินโดนีเซีย


ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่างมีจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ลดลง อินโดนีเซียกลับประสบปัญหาในการจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อ HIV องค์การสหประชาชาติประเมินว่าปัจจุบันมีชาวอินโดนีเซียประมาณ 270,000 คนที่ติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้อนั้นอยู่

คุณ Jacky Maharja คือชาวอินโดนีเซียผู้ติดเชื้อ HIV มาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เขาเล่าว่าโรงพยาบาล 3 แห่งปฏิเสธที่จะให้เขาเข้ารับการรักษา โดยให้เหตุผลว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้รับดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคนี้

คุณ Maharja จึงตัดสินใจก่อตั้งกลุ่มที่ชื่อ ไพทา ขึ้นเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV ในอินโดนีเซีย

การตอบสนองของรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง เมื่อมีการจัดตั้งคณะกรรมการโรคเอดส์แห่งชาติเพื่อรณรงค์ป้องกัน และช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ อย่างไรก็ตาม นักรณรงค์โรคเอดส์ในอินโดนีเซียบอกว่า การที่รัฐบบาลขาดเงินทุนและปัจจัยทางการเมือง ทำให้โครงการป้องกันและรักษาผู้ป่วยไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ยาต้านเชื้อไวรัสสำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์มักจะขาดแคลนอยู่เสมอ เนื่องจากปัญหาด้านการแจกจ่ายและเงินทุนที่จำกัด ประมาณกันว่า มีชาวอินโดนีเซียที่ติดเชื้อ HIV ไม่ถึง 10% ที่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
คุณนาฟเซีย เอ็มบอย ประธานคณะกรรมการโรคเอดส์แห่งชาติกล่าวว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่ระบบการเยียวยารักษาและการจัดการก็ควรได้รับการปรับปรุงทั้งหมด สิ่งที่คณะกรรมการกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ก็คือ สนับสุนนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น พัฒนาระบบการวางแผนและการรายงานผล เธอยังบอกด้วยว่า สาเหตุที่การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ HIV ในอินโดนีเซียไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะประเด็นเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย การคุมกำเนิดและรักร่วมเพศ ล้วนเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย ทำให้ผู้นำทางการเมืองจำนวนมากกระอักกระอ่วนใจ ที่จะต้องรับบทบาทนำในการต่อสู้กับโรคเอดส์ต่อสาธารณชน

คุณอิสคานเดอร์ นูโกรโฮ นักรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ในจังหวัดปาปัว บอกว่าในสังคมอินโดนีเซียนั้น ถุงยางอนามัยมีไว้สำหรับผู้ให้บริการทางเพศ หรือแรงงานต่างด้าวเท่านั้น หากผู้คนรู้ว่าใครก็ตามใช้ถุงยางก็จะคิดว่าพฤติกรรมทางเพศของคนๆ นั้นไม่สามารถยอมรับได้ กลายเป็นตราบาปของคนที่ใช้ถุงยางอนามัย

เฉพาะในจังหวัดปาปัว จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับเฉลี่ยทั่วประเทศถึง 20 เท่า เวลานี้คาดว่าทั้งจังหวัดมีผู้ติดเชื้อราว 75,000 จากประชากร 2,500,000 คน ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมขายบริการทางเพศที่กำลังเติบโตในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ส่งผลให้ปัญหาโรคเอดส์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปยังบ้านเกิดของแรงงานต่างด้าวเหล่านั้นด้วย นักรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ระบุว่า วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ การให้ความรู้แก่แรงงานต่างด้าวถึงวิธีการป้องกันโรคและการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งอาจจะพอช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ได้



XS
SM
MD
LG