เดินทางข้ามสหรัฐ ด้วยน้ำมันพืชทอดอาหาร

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามีผู้ที่สามารถดัดแปลงรถยนต์ดีเซลเก่าๆ ให้มาใช้น้ำมันทอดอาหารเป็นเชื้อเพลิงวิ่งเป็นระยะทางกว่า 6 พันกิโลเมตร โดยไม่ต้องแวะปั๊มเติมน้ำมันเลย นับเป็นครั้งแรกของการเดินทางจากฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ไปยังฝั่งตะวันตกด้วยรถยนต์ชนิดนี้ ซึ่งอาจเป็นพลังงานทางเลือกในอนาคต

คุณเกรก เมลวิลล์ นักหนังสือพิมพ์ ตัดสินใจซื้อรถโดยสารเก่าคันหนึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนและนำมาดัดแปลงให้ใช้น้ำมันพืช ภรรยาของเขาเป็นผู้ออกความคิดนี้ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งทำให้โลกร้อน แต่ที่คิดไกลไปกว่านั้นคือการประหยัดค่าเชื้อเพลิง เขาเคยอ่านพบงานวิจัยว่า ร้านอาหารยินดีที่จะให้น้ำมันทอดอาหารเหลือใช้ เพราะไม่ต้องการเสียเงินค่ากำจัดเหมือนกับขยะ

คุณเกรก บอกว่า การออกแบบเครื่องยนต์ดีเซลดั้งเดิมนั้น สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันพืชและเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียม รูดอล์ฟ ดีเซล ผู้ออกแบบเครื่องยนต์ชนิดนี้เมื่อร้อยปีก่อน ก็สาธิตด้วยน้ำมันพืช ซึ่งเขาคิดว่าประโยชน์จะตกอยู่กับเกษตรกร ที่สามารถผลิตเชื้อเพลิงขึ้นใช้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาภายนอก แต่น้ำมันพืชก็มีข้อจำกัด ตรงที่มีความข้นมากกว่าน้ำมันดีเซลที่ใช้ทั่วไป ดังนั้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงต้องดัดแปลงบางอย่างที่เครื่องยนต์ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนนัก

คุณเกรก กล่าวว่า ปัญหาที่ท้าทายคือน้ำมันพืชจะเปลี่ยนสภาพเป็นวุ้นและแข็งตัวที่อุณหภูมิสูง เขาจึงเลือกรถเก่าที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเมอร์ซิเดส เพราะมีความเหมาะสมและไปหาซื้อชุดอุปกรณ์ที่แยกถังน้ำมันพืชออกมาต่างหาก เมื่อติดเครื่องยนต์ก็ใช้น้ำมันดีเซลปกติเดินเครื่อง เมื่อเครื่องร้อนขึ้นก็กดปุ่มปิดท่อส่งน้ำมันดีเซลหันมาใช้น้ำมันพืชแทน

คุณเกรกทดลองนำรถยนต์พลังน้ำมันพืช วิ่งระยะทางไกล 6,200 กิโลเมตร จากเมืองเวอร์มอนต์ทางฝั่งตะวันออก มายังรัฐแคลิฟอร์เนียทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยไม่หยุดแวะเติมน้ำมัน การเดินทางใช้เวลา 8 วัน หมดน้ำมันพืชใช้แล้ว 720 ลิตรและน้ำมันดีเซล เพียง 15 ลิตร ซึ่งเขาและเพื่อนคู่หูเดินทางได้นำประสบการณ์ครั้งนี้ มาถ่ายทอดลงหนังสือเล่มใหม่ที่เล่าถึงความตื่นเต้นท้าทาย

คุณเกรก บอกว่า สิ่งท้าทายตลอดการเดินทางคือ การหาน้ำมันพืชใช้แล้วเพราะกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน และต้องทนดมกลิ่นน้ำมันทอดอาหารที่ไม่ค่อยจะโสภานัก นอกจากนี้กลิ่นก็ยังติดอยู่ตามเสื้อผ้า และอุปกรณ์ภายในรถ ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเมื่อต้องลงไปทานอาหารหรือพบปะผู้คน แต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถทำให้ประชาชนตระหนักถึงวิธีการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน หลายแห่งที่รถวิ่งผ่าน ประชาชนให้การต้อนรับและเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ว่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นต่อลูกหลานในอนาคต

อย่างไรก็ตาม คุณเกรกยอมรับว่ารถที่ใช้พลังงานจากน้ำมันพืชใช้แล้ว ยังไม่ใช่พาหนะทางเลือกแห่งอนาคต เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างเช่นต้องใช้เวลามาก สกปรกและมีกลิ่นเหม็น แต่เป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ คือสร้างแรงบันดาลใจให้บริษัทผลิตรถยนต์ และคนที่มีหัวอัจฉริยะคิดค้นพลังงานทางเลือกอย่างอื่นที่ทั้งประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้งานได้ในทางปฏิบัติมากขึ้น