ภาพยนต์เรื่องนี้ติดตามชีวิตของ ปธน. George W Bush ตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่มนักศึกษา จนมาถึงเมื่อได้ตำแหน่ง ปธน. และส่งทหารเข้าบุกอิรัค
Oliver Stone กำกับหนังเรื่องนี้ โดยพยายามแสดงให้เห็นความขัดแย้งในตัวของ ปธน.บุชเอง ภาพยนต์เรื่องนี้ Josh Brolin รับบท ปธน. W ผู้ตัดสินใจในเรื่องต่างๆ โดยอาศัยสัญชาติญาณ อารมณ์ และความรู้สึก เป็นหลัก
Oliver Stone ยังได้พยายามแสดงภาพ ปธน. W ด้วยว่า เป็นผู้ที่มีอุดมคติ เป็นคนซื่อที่หลงเชื่อคนอื่นๆ ได้ง่าย และถูกบุคคลรอบตัว นับตั้งแต่ลูกน้อง ไปจนถึงบิดา คือ ปธน.บุชผู้พ่อ ผลักดันให้ต้องก้าวไปในทางที่ผิด
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ของ ปธน.บุช ในเรื่อง W นี้ เป็นคนที่ร่าเริง รักสนุก รักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ และพยายามทำตนให้เป็นที่รักของบิดา ผู้มีความรอบรู้ และสติปัญญาสูงกว่าเขา
Oliver Stone บอกว่า ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ปธน.บุชผู้พ่อ กับ ปธน.บุชคนปัจจุบัน เป็นหัวใจสำคัญของภาพยนต์เรื่องนี้ โดยเขาชี้ว่าความกดดันให้ต้องเดินตามรอยเท้าบุชผู้พ่อ ทำให้ George W Bush หรือ Bush Junior ตัดสินใจหันมาเล่นการเมือง เพราะส่วนหนึ่งเชื่อว่าตนมีภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้มา และอีกส่วนหนึ่งนั้นคือต้องการพิสูจน์ตัวเอง
Oliver Stone ยังวาดภาพ ปธน. W ในเรื่องนี้ด้วยว่า หยิ่งยะโส ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น และได้สั่งปลดที่ปรึกษาหลายคนซึ่งไม่เห็นด้วยกับตน
ภาพยนต์เรื่อง W ที่เพิ่งเข้าฉายนี้ ก็คล้ายๆ กับผลงานการสร้างเรื่องก่อนๆ ของ Oliver Stone ที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราวนี้เป็นความพยายามวิเคราะห์จิตใจ ความคิดคำนึงของ ปธน.ที่ยังอยู่ในตำแหน่งเสียด้วย แต่ Oliver Stone ก็ชี้ว่าเขาใช้จินตนาการ ในการสร้าง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดี ย้อนหลังไปถึงปี 2546 ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะส่งทหารเข้าบุกอิรัคก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดที่เนื้อที่สำคัญของภาพยนต์เรื่องนี้ ซึ่งออกฉาย 2 สัปดหา์ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งของสหรัฐนั้นก็คือว่า การไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกคนควรจะต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
