ปัญหาทางการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริกาเวลานี้ มีที่มาจากวิกฤติการณ์ทางด้านการเงิน และการขาดความเชื่อมั่น คล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และในหลายประเทศของเอเชียเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
ดร. ธาริสา วัฒนเกศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวต่อที่ประชุมของธนาคารกลางเมื่อวันเสาร์ ว่าปัญหาที่เกิดกับสถาบันการเงินต่างๆ ในวอลสตรีทของสหรัฐตอนนี้ เป็นเครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเอเชียเมื่อ 11 ปีก่อน เพราะว่ารากฐานของปัญหาทั้งสองนี้คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือบรรดานักลงทุนต่างเก็งกำไรอย่างหนักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะฟองสฐุด้านราคา ในขณะที่นโยบายด้านการเงิน และการกำกับควบคุมจากหน่วยงานของรัฐนั้น เป็นไปอย่างหละหลวมและไม่เพียงพอ
คุณเท็ด ทูแมน อดีตผู้ช่วย รมต.ว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ วิเคราะห์เรื่องนี้ว่า วิกฤติการณ์ด้านการเงินที่เกิดขึ้นในเอเชียในอดีต และในสหรัฐขณะนี้ มาจากการสูญเสียความเชื่อมั่นจากระบบการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เขากล่าวอีกว่า เมื่อระบบมีพื้นฐานตั้งอยู่บนการให้สินเชื่อ และเมื่อนักลงทุนต่างเคลือบแคลงใจ หรือขาดความเชื่อมั่น ในมูลค่าและความมั่นคงของสินเชื่อนั้นๆ แล้ว ปัญหาก็ย่อมจะเกิดขึ้นตามมา และโดยข้อเท็จจริงแล้ว มูลค่าของทรัพย์สินที่รองรับสินเชื่อนั้นๆ อยู่ ก็ไม่ดีพอจริงๆ
ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐขณะนี้ มาจากการปล่อยเงินกู้ของสถาบันการเงิน ให้แก่ผู้ซื้อบ้านซึ่งมีเครดิตไม่ดีพอโดยที่ไม่ต้องมีหลักประกันใดๆ เลย หรือที่เรียกกันว่า Sub Prime Loan เพราะในช่วงนั้นคนต่างหวังว่า ราคาบ้านที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้ผู้กู้สามารถขายทรัพย์สิน และนำเงินมาชำระหนี้ได้ในเวลาอันสั้น
เเต่เมื่อราคาบ้านที่สูงมากเริ่มชะลอตัว หรือตกต่ำลง ผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้เหล่านี้ได้ ทำให้สถาบันการเงินเริ่มมีปัญหาเป็นลูกโซ่ต่อๆ กัน และเรื่องนี้ขยายผลไปถึงสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ซื้อบ้านโดยตรงด้วย เพราะสถาบันเหล่านี้ลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งมีเงินกู้ซื้อบ้านเป็นหลักประกันอยู่
คุณเท็ด ทูแมน กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้ประเทศในเอเชียคงจะรู้สึกทึ่งในเรื่องน่าขัน และน่าเย้ยหยัน ที่สหรัฐเองก็ทำในสิ่งที่ผิดพลาด อย่างที่เคยเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในเอเชีย หลีกเลี่ยงหรือละเว้นเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม คำถามหนึ่งที่สำคัญในขณะนี้คือ ประเทศในเอเชียจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐมากน้อยเพียงใด ซึ่งคุณกัส โฟเชอร์ วิเคระห์ว่า เศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ของเอเชียอย่างเช่นจีน และอินเดียนั้น คงจะช่วยเป็นตัวกันชน หรือป้องกันผลกระทบจากปัญหาการเงินในสหรัฐขณะนี้ได้
ขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียพึ่งพาตลาดของสหรัฐน้อยลงกว่าแต่ก่อน และอย่างน้อยที่สุดพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียขณะนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อ 11 ปีที่แล้วด้วย ดังนั้นผลกระทบจากเรื่องนี้ จึงไม่ค่อยน่าวิตกเท่าไหร่นัก
