ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิกฤติการเงินที่สหรัฐในขณะนี้ คลี่คลายไปถึงไหนแล้ว และส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อตลาดการเงินในเอเชีย?


ธนาคารกลางของสหรัฐ แคนาดา สหภาพยุโรป และเอเชีย รวมกันเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดการเงินทั่วโลกแล้ว อย่างน้อยสองแสนล้านดอลล่าร์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในยุโรปฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากที่ประสบการสูญเสียติดต่อกันมาหลายวัน แต่ตลาดหุ้นในรัสเซียยังระงับการซื้อขายอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียยังคงลดลงต่อไป

ประธานาธิบดีจอร์ช บุช ของสหรัฐ กล่าวว่า ตลาดการเงินในสหรัฐยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาอยู่ต่อไป แต่การดำเนินการของรัฐบาลเท่าที่แล้วมาแสดงให้เห็นว่า มุ่งจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และขอให้ประชาชนวางใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปเพื่อทำให้ตลาดการเงินของประเทศเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ รวมทั้งการทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นด้วย

แต่ความรู้สึกหวั่นไหวว่า ยังจะมีวาณิชธนกิจใหญ่ๆล้มละลายต่อไปได้อีกยังไม่หมดไป ในขณะที่มีรายงานข่าวที่ว่า Washington Mutual ธนาคารออมทรัพย์รายใหญ่กำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอมาก ทำให้นาง Sheila Bair ประธานบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาล หรือที่เรียกกันย่อๆว่า FDIC ต้องออกมามีถ้อยแถลงปลอบใจประชาชนว่า เงินฝากในธนาคารจะไม่สูญหายไปไหน

สำหรับตลาดในเอเชียนั้น ส่วนใหญ่ดัชนีราคาหุ้นลดลงเมื่อตลาดปิดทำการในวันพฤหัสบดี นักลงทุนในเอเชียเกรงว่า อุตสาหกรรมการเงินในสหรัฐยังจะมีปัญหาอีกต่อไป แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดเงินให้กับ AIG บริษัทประกันรายใหญ่ของโลกเป็นเงิน 8 หมื่น 5 พันล้านดอลล่าร์แล้วก็ตาม

คุณอาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของกองทุนบำนาญของรัฐบาลให้ความเห็นว่า วิกฤติการเงินในสหรัฐส่งผลกระทบถึงธนาคารต่างๆในเอเชียอย่างแน่นอน และดัชนีตลาดหุ้นจะยังคงลดลงต่อไปอีกด้วย

นับตั้งแต่เริ่มมีวิกฤติการเงินจนถึงขณะนี้ มูลค่าหุ้นในตลาดโลกลดลงไปแล้วมากกว่า 19 ล้านล้านดอลล่าร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์ไทยผู้นี้กล่าวไว้ด้วยว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียจะชะลอตัวลงเพราะจะมีปริมาณเงินให้ธุรกิจกู้ยืมไปขยายงานได้น้อยลง

คำถามก็คือ เมื่อไหร่วิกฤติการเงินนี้จะหมดไป แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครกล้าพยากรณ์

แต่นาย Henry Paulson รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวไว้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า จนกว่าจะแก้ปัญหาเรื่อง Subprime หรือการให้เงินกู้ซื้อบ้านแก่ผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ และราคาบ้านมีเสถียรภาพมากขึ้น ก็จะยังมีความปั่นป่วนในตลาดการเงินอยู่ต่อไป

XS
SM
MD
LG