ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิว่าด้วยเรื่องบรรยากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงขององค์การสหประชาชาติเสนอแนะว่า ถ้าประชากรโลกอยากจะช่วยแก้ปัญหาบรรยากาศห่อหุ้มโลกร้อนขึ้นแล้วละก็ ให้เริ่มต้นด้วยการเลิกรับประทานเนื้อสัตว์สัปดาห์ละหนึ่งวัน
Dr. Rajendra Pachauri นักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย วัย 68 ปี และดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิของสหประชาชาติในเรื่องบรรยากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง เป็นผู้เสนอความคิดที่จะให้เลิกรับประทานเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 1 วันนี้
ตามรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติในปีที่แล้ว อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ปล่อยแก๊สแบบเรือนกระจกพืช ซึ่งทำให้บรรยากาศห่อหุ้มโลกร้อนขึ้น ในอัตรา 18% ของการปล่อยแก๊สประเภทนี้ทั้งหมดในโลก มากกว่าที่การขนส่งคมนาคมปล่อยออกมา
หนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค ไทม์ส อธิบายว่า แก๊สที่มาจากอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์นั้น ส่วนใหญ่มาจาก Nitrous Oxide ในมูลสัตว์ และจากแก๊ส Methane ที่เกิดจากการย่อยอาหารของสัตว์เนื้อเหล่านั้น นิวยอร์ค ไทม์สรายงานว่า แก๊ส Methane ส่งผลกระทบให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่าตัว และแก๊สจาก Nitrous Oxide มากกว่าถึง 296 เท่าตัว
เวลานี้ โลกเรามีวัวและควายราวๆ หนึ่งพันห้าร้อยล้านตัว แกะและแพะอีกราวๆหนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านตัว และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอยู่เรื่อยๆ
คาดกันว่าในช่วง 40 ปีข้างหน้า การผลิตเนื้อทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว
ขณะเดียวกัน การวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าวว่า ถ้าเปลี่ยนไปรับประทานอาหารมังสะวิรัติได้ มนุษย์เราแต่ละคนจะช่วยลดแก๊สที่ทำให้โลกร้อนขึ้นได้ 1.5 ตันต่อปี เปรียบเทียบกับปริมาณแก๊ส 1 ตันที่จะลดลงได้ ถ้าขับรถเครื่อง Hybrid แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
ปัญหาก็คือ อาหารมังสะวิรัติที่อาศัยนมและเนยเป็นหลัก จะไม่ช่วยลดจำนวนปศุสัตว์ได้มากนัก เพราะยังไงๆ ก็ยังต้องเลี้ยงวัวและแพะที่ให้นม ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของแก๊ส Methane อยู่นั่นเอง
