ผลการสำรวจครั้งใหม่ที่นำมาเปิดเผยก่อนการประชุม World Cancer Summit ที่นครเจนีวา พบว่า ประชาชนจำนวนมากมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสาเหตุของมะเร็งและมีแนวโน้มกล่าวโทษสิ่งแวดล้อม โดยมองข้ามปัจจัยเสี่ยงที่แท้จริง นั่นคือการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกาย
การสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เปรียบเทียบข้อมูลระหว่างประเทศเกี่ยวกับความเข้าใจของประชาชนต่อปัจจัยเสี่ยงการเป็นมะเร็ง โดยไปสำรวจประชาชนเกือบ 3 หมื่นคนใน 29 ประเทศที่มีฐานะยากจนไปถึงร่ำรวย ซึ่งคุณเดวิด ฮิล ประธานอินเตอร์เนชันแนล ยูเนียน อเกนส์ แคนเซอร์ กล่าวกับ VOA ว่า จากข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าในประเด็นโอกาสที่จะรักษามะเร็งให้หายนั้น ประชาชนในประเทศยากจนมีทัศนคติต่อเรื่องนี้ในด้านลบมากกว่าประชาชนในประเทศร่ำรวย
คุณฮิลล์ บอกว่า มีสองสิ่งที่ผสมผสานกันที่ทำให้เกิดทัศนคติแบบนี้ อย่างแรกคือเป็นความจริงที่โอกาสรอดชีวิตจากการรักษามะเร็งในประเทศยากจนมีไม่มากนัก แต่ที่ยิ่งกว่านั้น คือประชาชนในประเทศยากจนไม่เชื่อว่ามะเร็งสามารถรักษาให้หายได้ แม้ทำด้วยความเหมาะสมและทันท่วงที
สิ่งสำคัญบางอย่างที่พบในการสำรวจนี้ คือ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมะเร็งสามารถเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้ ผลสำรวจบ่งชี้ว่ามีประชาชนในประเทศร่ำรวยจำนวนน้อยกว่าประชาชนในประเทศยากจนที่เชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ทั้งที่ในความเป็นจริงมีหลักฐานยืนยันว่ายิ่งดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้มากขึ้นเท่าใดความเสี่ยงเป็นมะเร็งก็ยิ่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนในประเทศร่ำรวยเชื่อว่าความเครียดและมลพิษทางอากาศน่าจะเป็นสาเหตุของมะเร็งมากกว่าดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์
ฮิลล์ บอกว่าประชาชนในทุกประเทศพร้อมจะยอมรับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของมะเร็ง มากกว่าที่จะยอมรับว่ามะเร็งเกิดจากสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ เช่น ความอ้วน
คุณฮิลล์ บอกว่า ตัวเราเองนั้นมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความเสี่ยงเป็นมะเร็ง อย่างแรกคือต้องเลิกสูบบุหรี่ และขณะนี้กำลังศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความอ้วนกับการเป็นมะเร็ง
ฮิลล์ ยังบอกด้วยว่า มะเร็งจำนวนมากสามารถป้องกันได้ถ้าเลือกวิธีการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ โดยคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์มากเกินไป ออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักอยู่เป็นประจำ หลีกเลี่ยงการอาบแดด ก็จะลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ ผู้สำรวจหวังว่าผลการสำรวจครั้งนี้จะหยุดความเข้าใจผิดและภาพลวงตาเกี่ยวกับมะเร็ง ซึ่งรัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถนำข้อมูลนี้เพื่อเปลี่ยนความคิดของประชาชนที่มีต่อมะเร็ง เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะยืนยาวขึ้น
