ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดีย


อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดียที่เข้มแข็งอยู่แล้ว มีแนวโน้มว่าจะเติบโตต่อไปอีกในปีหน้า แต่ถึงจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่ดี

ตอนนี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ อุตสาหกรรมไอที ของอินเดียมีรายได้เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมแนชคอม ประเมินว่า บริษัทไอทีของอินเดียมีกำไรมากถึง 6 หมื่น 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกที่สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่บริษัทไอทีกลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมายกับความสำเร็จนี้ และยังบอกอีกว่าบริษัทยิ่งต้องเพิ่มขีดความสามารถขึ้นไปอีก เพื่อให้สามารถแข่งขัน และประสบความสำเร็จในการครองใจลูกค้าจากชาติตะวันตกต่อไปให้ได้ เพราะตอนนี้ค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจไอทีในอินเดีย ก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่อินเดียเคยได้เปรียบในเรื่องค่าแรงผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ซึ่งค่าแรงถูกกว่าที่อื่น แต่ปัจจุบัน วิศวกรซอร์ฟแวร์ทั้งหลายต่างก็เรียกร้องขอขึ้นเงินเดือนให้มากขึ้นกว่าหลายปีก่อน เพราะธุรกิจเติบโตไปได้ดีแล้ว

คุณพาร์ธา อีเย็นการ์ รองประธานบริษัทวิเคราะห์ธุรกิจการ์ทเนอร์ในอินเดีย บอกว่าอินเดียยังขาด แคลนบุคลากรผู้ชำนาญการ แม้ว่าอินเดียจะมีบัณฑิตใหม่ที่เรียนจบในสายงานนี้ นับหมื่นๆ คนต่อปี แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำงานได้ทันที เพราะต้องมีการฝึกงานกันก่อนอีก

คุณพาร์ธา อีเย็นการ์ บอกว่า ปัญหาใหญ่ในอินเดีย ไม่ใช่เรื่องปริมาณบัณฑิต แต่เป็นเรื่องคุณภาพของบัณฑิต เขาประเมินว่า ขณะนี้มีบัณฑิตจบใหม่ที่พร้อมทำงานได้เลยแค่ร้อยละ 25 เท่านั้น และเป็นจำนวนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับความต้องการในตลาดแรงงาน

ปัญหาอีกอย่างก็คือ ค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนตัวลง เกือบร้อยละ 14 จากปีที่แล้วทำให้ บริษัทในอินเดียต่างๆ มีกำไรลดลงไปด้วย เพราะการค้าส่วนใหญ่อิงกับบริษัทของสหรัฐ นอกจากนี้อินเดียยังมีคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ อย่างฟิลิปปินส์ และจีน ซึ่งกำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้อย่างเร่งด่วนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม รองประธานบริษัทวิเคราะห์ธุรกิจการ์ทเนอร์ก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า แม้ว่าปัญหาค่าแรงจะสูงขึ้น และค่าเงินเหรียญสหรัฐจะอ่อนตัวลง แต่ธุรกิจไอทีในอินเดีย ก็ยังคงเติบโตได้ดี และยังล้ำหน้าประเทศอื่นๆ อยู่มาก

ขณะที่ กลุ่มอุตสาหกรรมแนชคอม ประเมินว่าภายในปี 2553 อุตสาหกรรมไอทีในอินเดีย จะมีกำไรมากถึง 7 พัน 5 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา ที่มีเพียงแค่เกือบร้อยละ 1 เท่านั้น



XS
SM
MD
LG