ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจการเงินออกมาหลายข่าวด้วยกัน ดร. ไพศาล ลิ่มรัตนมงคล ผู้บริหารการเงินในบริษัทบริหารการเงินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ค ได้อธิบายถึงผลกระทบของข่าวเศรษฐกิจการเงินที่มีต่อผู้บริโภค และเศรษฐกิจของอเมริกา
ดร.ไพศาล ลิ่มรัตนมงคลกล่าวว่า เศรษฐกิจของอเมริกาตอนนี้กำลังเป็นที่กังวลกันมากว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือที่เรียกว่า recession ในภาษาอังกฤษหรือเปล่า ถ้าเกิดภาวะถดถอยประเทศไทยอาจจะมีผลกระทบ โดยเฉพาะในภาคส่งออกเหมือนกัน
โดยในอาทิตย์ที่ผ่านมาควรมาดูว่า ตัวเลขหรือข่าวทางเศรษฐกิจอะไรที่จะมีผลชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอยมากขึ้นหรือน้อยลง
ข่าวแรก เป็นข่าวสำคัญเกี่ยวกับที่ประธานาธิบดีบุชได้เซ็นอนุมัติกฏหมายที่จะคืนเงินภาษีประมาณกว่าห้าล้านล้านบาทให้กับผู้เสียภาษี เงินจำนวนนี้ก็จะได้เริ่มส่งถึงมือผู้ที่มีสิทธิได้รับประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งก็หวังว่าผู้ที่ได้รับจะนำไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะมีผลบวกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
ข่าวที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลข ที่เรียกกันว่ายอดการใช้จ่ายทางด้านขายปลีก ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เขาไปรวบรวมรายรับของร้านขายปลีกทั้งหลายในอเมริกา ซึ่งรวมแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน ตัวเลขตัวนี้พบว่า พลิกล็อค คือ แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวเล็กน้อย ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่าจะหดตัว
ทำไมตัวเลขตัวนี้สำคัญ เพราะเป็นตัวให้เห็นถึงการที่คนทั่วไป จับจ่ายใช้สอยมากขึ้นหรือน้อยลง ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยในอเมริกา มีความสำคัญถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ต่อเศรษฐกิจ การที่ถ้าเศรษฐ กิจดีแล้วคนจับจ่ายใช้สอยน้อย คือโตเล็กน้อยขนาดนี้อาจจะเป็นผลร้าย แต่ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ นักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปบอกการจับจ่ายใช้สอยในระดับนี้ ถือว่าใช้ได้เพราะไม่หดตัว จริงๆ จึงถือเป็นข่าวดี
ข่าวต่อไปก็เป็นข่าวเกี่ยวกับการที่ภาวการณ์ขาดดุลการค้าของอเมริกาลดลง อะไรคือการขาดดุลการค้า ก็คือการที่การส่งออกน้อยกว่าการนำเข้า ปรกติอเมริกานี้จะขาดดุลการค้าค่อนข้างมาก แต่ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการส่งออกมากขึ้น การนำเข้าน้อยลง ทำให้การขาดดุลการค้าลดลง ซึ่งอันนี้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่จริงๆ ถ้ามองกันดีๆ คนก็ว่าว่าการนำเข้าน้อยลง แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายที่น้อยลง สังคมอเมริกาขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายมากของบุคคลทั่วไป ดังนั้นถ้ามีการใช้จ่ายน้อยลงก็เป็นผลลบ
อีกข่าวหนึ่ง เป็นตัวเลขที่เกี่ยวกับดัชนีทางด้านความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งเขาจะไปสอบถามคนทั่วไปว่า มีความรู้สึกอย่างไรกับธุรกิจในตอนนี้หรือหกเดือนข้างหน้า หรือเกี่ยวกับการจ้างงานในตอนนี้ การจ้างงานในหกเดือนข้างหน้า ถ้าผลที่ออกมาเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี ก็จะทำให้เห็นได้ว่าคนอาจจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ถ้าเขามีความมั่นใจ แต่ตัวเลขตัวนี้น้อยมากในรอบสิบหกปี ซึ่งถือว่า แย่ค่อนข้างมาก คนไม่คิดว่าจะน้อยขนาดนี้
ดังนั้นแสดงให้เห็นว่า ถ้าตอนนี้เศรษฐกิจไม่อยู่ในภาวะที่ถดถอย แต่การที่คนไม่มีความมั่นใจ จับจ่ายใช้สอยน้อยลงก็อาจจะทำให้เกิดภาวะถดถอยได้
และข่าวสุดท้ายก็คงเป็นข่าวเกี่ยวกับการที่คุณ Ben Bernanke ผู้ว่าการธนาคารกลางของอเมริกา หรือที่เราเรียกว่า Fed ได้ให้การต่อวุฒิสภา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ในภาวะเศรษฐกิจของ อเมริกาในขณะนี้ จริงๆ แล้วสรุปสาระสำคัญก็เป็นอย่างนี้ คือคุณเบ็น เป็นครั้งแรกที่บอกว่าตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา ชะลอตัวลงอย่างมาก แต่จริงๆ เขาไม่คิดว่าจะเกิดภาวะถดถอย เศรษฐ กิจครึ่งปีแรกคงไม่ดี แต่ครึ่งปีหลังก็คงจะดี
แล้วคุณเบ็นบอกต่อไปว่าจะช่วยทุกวิถีทางที่จะให้หลีกเลี่ยงเศรษฐกิจภาวะถดถอยให้ได้ แต่ถ้าหยุดอยู่ตรงนี้นี่ ก็ถือว่าเป็นข่าวดี แต่จริงๆ เขาปิดท้ายโดยพูดเป็นนัยๆว่า โอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอยก็คงมี
จริงๆ แล้วถ้าจะสรุปในอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็มีข่าวดีอยู่หลายข่าวเหมือนกัน แต่ข่าวดีทั้งหมดก็ไม่สามารถจะหัก ล้างความเชื่อที่ว่า อเมริกาขณะนี้กำลังเกิดเศรษฐกิจภาวะถดถอย หรือกำลังจะเกิดได้
