ประธานาธิบดีเปเวซ มูชาราฟ ผู้นำปากีสถาน กำลังเผชิญ กับแรงกดดันอย่าง หนักจากนานาชาติทั้งจากสหรัฐและยุโรป ทางด้านอังกฤษได้กดดันปากีสถานผ่าน กลุ่มประเทศ คอมมอนเวลธ์ ที่ประกาศว่าจะพักสมาชิกภาพของปากีสถาน ถ้าหาก ประธานาธิบดี มูชาราฟ ไม่ยอมยกเลิกภาวะฉุนเฉิน ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
นายดอน แมคคินนอน เลขาธิการขององค์ประชุมรัฐมนตรี กลุ่มประเทศคอมมอน เวลธ์ แถลงท่าทีของกลุ่มต่อปัญหาการเมืองปากีสถาน
จากในรายงานของคุณทอม ริฟเวอร์สผู้สื่อข่าววอยส์ออฟอเมริกา ประจำ กรุงลอนดอนนายแมคคินนอนยื่นคำขาดว่า จะตัดสมาชิกภาพ ปากีสถานออก จากกลุ่มคอมมอนเวลธ์หากพลเอกมูชาราฟผู้นำปากีสถานไม่ยอมยกเลิกภาวะ ฉุกเฉินภายในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้พร้อมยังเรียกร้องให้เขาฟื้นฟู รัฐธรรมนูญ และลาออกจากตำแหน่งผู้นำ กองทัพเพื่อปกครองประเทศ แบบผู้นำพลเรือน
ปากีสถานเป็นหนึ่งใน 53 ชาติที่เป็นสมาชิกกลุ่มคอมมอนเวลธ์ สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของ อังกฤษในสมัยล่าอณานิคม ซึ่งก็รวมทั้งอินเดีย มาเลเซีย สิงค์โปร์ และชาติต่างๆในทวีปอาฟริกา
ถ้ารวมประชากรทั้ง 53 ประเทศสมาชิกกลุ่มคอมมอนเวลธ์แล้วจะมีจำนวน มหาศาลถึง 2 พันล้านคนทีเดียว ถือเป็นกลุ่มความร่วมมือ ที่มีความหลาก หลายมากที่สุดทั้งทางชาติพันธุ์ ศาสนา และวัฒนธรรม ประเพณี
ส่วนสมาชิกชาติพัฒนาแล้วก็มี คือ อังกฤษ แคนาดาและ ออสเตรเลีย กลุ่มคอม มอนเวลธ์ ตั้งขึ้นมาเพื่อร่วมมือกันพัฒนาชีวิตและ ความเป็นอยู่ของประชาชนของ ชาติสมาชิกเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันและส่งเสริมสันติภาพของโลก
นายดอน แมคคินนอนยังเรียกร้องในนามของกลุ่มคอมมอนเวลธ์ ให้ทางการ ปากีสถานปล่อยตัวบรรดานักการเมืองฝ่ายค้านกับผู้สนับ สนุนพรรค นักพิทักษ์ สิทธิมนุษยชน ทนายความ และนักข่าว ที่ทางการ จับตัวไปภายใต้กฎหมายภาวะฉุกเฉินในช่วงเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาและขอให้รัฐบาลปากีสถานยกเลิกการ ควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนด้วย
การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพข่าวทางโทรทัศน์ของสำนักข่าวต่างประเทศ หลายสำนักรวมทั้งโทรทัศน์บีบีซีและซีเอ็นๆ ถูกงดไปอย่างไม่มีกำหนด มีเฉพาะ สกายนิวส์ของอังกฤษและฟอกซ์นิวส์ของ อเมริกาที่ยังไม่ถูกตัดตั้งแต่ประกาศ ใช้ภาวะฉุกเฉิน
ก่อนหน้าที่กลุ่มคอมมอนเวลธ์จะแสดงท่าทีไม่กี่วันทางการปากีสถาน ได้ขับไล่นัก ข่าวต่างประเทศสามคนของหนังสือพิมพ์เดอะเดลลี่ เทลเลกราฟของอังกฤษออก นอกประเทศเพราะไม่พอใจภาษาที่ใช้ในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์
อย่างไรก็ดีปากีสถานเคยถูกพักสมาชิกภาพจากกลุ่มคอมมอนเวลธ์มาแล้วนานถึงห้าปีโดยเริ่มเมื่อ 8 ปีที่แล้วตอนที่พลเอกมูชาราฟ ก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาล ที่นำโดยนายนาวาส ชารีฟแล้วสถาปณาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ในช่วงห้าปีนั้น ตัวแทนทางการปากีสถานถูกห้ามเข้าร่วมการประชุม หรือกิจกรรม ใดใดของกลุ่มคอมมอนเวลธ์ และประเทศสมาชิกของ กลุ่มงดความช่วยเหลือและ ความร่วมมือต่างๆทั้งทางทหารและทาง เศรษฐกิจ จนในที่สุดพลเอกมูชาราฟยอม ให้คำมั่นสัญญาว่าจะออกจากผู้นำกองทัพ ทางกลุ่มจึงรับปากีสถานเข้าเป็นสมาชิก ตามเดิม
แต่มาคราวนี้ พลเอกมูชาราฟประกาศว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แรงกดดันจากกลุ่ม คอมมอนเวลธ์ และจะเข้าร่วมประชุมประจำปีผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 23-25 พฤศจิกายนนี้ ที่ประเทศยูกันดา เพื่อแถลงจุดยืนและเหตุผลของตน เพื่อคัดค้านคำขู่ของกลุ่มคอมมอนเวลธ์
ความสัมพันธ์ปากีสถานกับกลุ่มชาติคอมมอนเวลธ์ ในขณะที่นายจอห์น เนโกรพอนเต้รองรัฐมนตรีว่า การกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางไป ปากีสถานในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อขอให้ประธานา ธิบดี มูชาราฟให้ยกเลิกภาวะ ฉุกเฉิน และจัดการ เลือกตั้งทั่วไปอย่างเสรีและยุติธรรม ทางอังกฤษ ก็ได้แสดงท่าทกดดันปากีสถานแล้วโดยผ่านกลุ่มประเทศคอมมอนเวลธ์ ห้ามการชุมนุมทางการเมืองและจับกุมทั้งนักการเมืองฝ่ายค้าน ผู้สนับสนุนพรรค ฝ่ายค้านต่างๆ ทนายความและนักเคลื่อนไหวเพื่อ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน