เวลานี้สถานการณ์ตลาดเงินกู้ทั่วโลกยังคงไม่ดีนัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสาเหตุสำคัญเป็นเพราะกฎหมายควบคุมการปล่อยเงินกู้ของสหรัฐไม่เข้มงวด ทำให้ที่ผ่านมาเกิดการปล่อยเงินกู้จำนวนมหาศาลให้แก่ผู้กู้ซื้อบ้านที่เครดิตไม่ดี
นิตยสาร Wall Street Journal ตีพิมพ์ความเห็นของนาย Henry Kaufman นักธุรกิจธนาคารชาวอเมริกันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐทำงานล้มเหลวในด้านการป้องกันระบบการเงินของประเทศ และว่ามาตรการล่าสุดของรัฐบาลที่่รวมการดูแลกิจการธนาคาร บริษัทประกันและธุรกิจค้าหุ้นเข้าด้วยกันนั้น นักลงทุนผู้นี้บอกว่าเป็นมาตรการที่ล้่าสมัยไปแล้ว และว่ารัฐบาลอเมริกันควรมีการกำหนดนโยบายด้านการเงินที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม
ในขณะเดียวกัน ในการประชุมที่สถาบันธุรกิจอเมริกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นาย James Sivon ทนายความด้านการเงินยอมรับว่าการขาดการควบคุมดูแลทางการเงินที่ดี เป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดเงินกู้ของสหรัฐเวลานี้อยู่ในขั้นวิกฤต
นาย James Sivon บอกว่าเกิดช่องโหว่ในกฎข้อบังคับทางการเงิน และในหลายกรณีลูกค้าที่ขอกู้เงินไม่ได้รับความยุติธรรม
ในอเมริกานั้น อำนาจการควบคุมดูแลสถาบันการเงินทั้งธนาคาร ปริษัทประกัน และธุรกิจค้าหลักทรัพย์จะถูกแยกจากกัน สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการที่ตลาดเงินกู้สำหรับผู้ที่เครดิตไม่ดีที่เรียกว่า sub-prime loan หรือเงินกู้ซื้อบ้านที่มีความเสี่ยงสูงเกิดภาวะชะงักงัน เนื่องจากผู้ซื้อบ้านจำนวนมากไม่สามารถหาเงินมาผ่อนชำระค่าบ้านในแต่ละเดือนได้ เงินกู้ความเสี่ยงสูงเหล่านั้นจึงถูกขายหรือโอนไปให้แก่สถาบันการเงินต่างๆทั่วโลก และในที่สุด เมื่อผู้กู้ไม่มีทางหาเงินมาใช้หนี้ sub-prime loan ได้ สถาบันการเงินต่างๆจึงประสบภาวะขาดทุนไปตามๆกัน อย่างเช่น Merrill Lynch บริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ Citigroup ธนาคารอันดับหนึ่งในอเมริกา ที่มีผลประกอบการขาดทุนมหาศาลจนประธานฝ่ายบริหารของทั้งสองบริษัทต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง
อีกด้านหนึ่ง นาย Robert Litan แห่งสถาบัน Washington’s Brookings ตำหนิสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้ง Standard & Poors และ Moodys ว่าการที่ทั้งสองจัดให้หนี้สำหรับผู้ที่เครดิตไม่ดีอยู่ในระดับ AAA หรือเป็นหนี้คุณภาพดี ทั้งๆที่จริงแล้วหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ไม่มีคุณภาพนั้น เป็นตัวการหนึ่งที่ยิ่งทำให้ปัญหาในตลาดเงินกู้ลุกลามมากขึ้น
นาย Henry Kaufman นักลงทุนและนักธุรกิจธนาคารซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจสหรัฐบอกว่า การปล่อยเงินกู้อย่างไม่ระมัดระวังในช่วงต้นทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เกิดฟองสบู่ขึ้นในตลาดเงินกู้ และเมื่อฟองสบู่แตก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังความเจ็บปวดมาสู่เศรษฐกิจอเมริกาและจะยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนผู้นี้เชื่อว่าการชะลอตัวในตลาดเงินกู้ในอเมริกากำลังฉุดรั้งการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือตกต่ำในอนาคต
