เวลานี้ธุรกิจการส่งออกของอินเดีย โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังประสบปัญหา เนื่องจากเงินรูปีมีค่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์
ตัวอย่างบริษัทส่งออกอินเดียที่ประสบปัญหาเมื่อค่าเงินรูปีสูงขึ้นคือ กลุ่มบริษัทฟาริดา หนึ่งในบริษัทส่งออก รองเท้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดียซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเชนไน สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทส่งออกไปยังสหรัฐ แต่เมื่อเงินรูปีมีค่าสูงขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ บริษัทฟาริดารวมทั้งบริษัทอื่นๆที่ได้รับเงินจาก ลูกค้าต่างชาติเป็นสกุลดอลล่าร์ ก็มีสัดส่วนผลกำไรเมื่อเทียบเป็นเงินรูปีลดลงอย่างมากในปีนี้
นาย Rafeeque Ahmed ประธานกลุ่มฟาริดากล่าวว่า อีกไม่นานบริษัทอาจจะขาดทุนจากการผลิตสินค้าป้อนตลาดสหรัฐ และเวลานี้บริษัทเพิ่งจะเลื่อนแผนการขยายการผลิตออกไป
นอกจากบริษัทฟาริดาแล้ว บริษัทส่งออกอินเดียทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมเช่น บริษัทส่งออกเสื้อผ้า อัญมณีเครื่อง ประดับ ผลิตภัณฑ์กีฬาและสินค้าทองเหลืองต่างต่างประสบปัญหาผลกำไรลดลง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินรูปี เช่นเดียวกัน ในจำนวนนี้มีหลายบริษัทที่มีขนาดเล็กมาก มีพนักงานไม่ถึง 50 คนและส่วนต่างผลกำไรก็น้อยอยู่แล้ว
ปัจจุบัน เงินรูปีมีค่าสูงสุดในรอบเกือบศตวรรษเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาบริษัทส่งออกอินเดียไม่คาด คิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น และความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินรูปีนี่เอง ที่ทำให้บริษัทส่งออกหลายบริษัทลังเล ที่จะรับยอดสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าจากลูกค้าต่างประเทศ และยังกลัวว่าจะเสียตลาดให้แก่คู่แข่งในประเทศอื่นอีกด้วย
นาย G P Gupta ประธานสมาคมกลุ่มบริษัทเพื่อการส่งออกอินเดียบอกว่าสถานการณ์เวลานี้ยิ่งแย่ลง เพราะค่าเงินของ ประเทศเพื่อนบ้านของอินเดีย เช่น ปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ ไม่ได้สูงขึ้นเหมือนค่าเงินรูปี ประเทศเหล่านั้นผลิตและ ส่งออกสินค้าทุกอย่างที่สามารถผลิตได้ในอินเดีย ทำให้อินเดียเสียเปรียบทางด้านราคา และลูกค้าต่างชาติก็จะหันไป ซื้อสินค้าจากประเทศเหล่านั้นแทน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บอกว่ายังมีข่าวดีอยู่บ้าง เนื่องจากคาดว่าภาคธุรกิจการส่งออกขนาดใหญ่ส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะ สินค้าจำพวกซอฟแวร์คอมพิวเตอร์และภาคการบริการจะยังคงเติบโตต่อไป แม้ผลกำไรโดยรวมจะลดลงบ้างเนื่องจาก อัตราแลกเปลี่ยน
