กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Forest Trends ที่กรุงวอชิงตันรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การนำเข้าของกระดาษที่ใช้แล้วของจีนระหว่างปี 2545 – 2549 นั้นทำให้ฝ่ายตะวันตกไม่ต้องนำกระดาษที่ใช้แล้วไปทิ้งตามแหล่งทิ้งขยะ เป็นจำนวนถึง 65 ล้านตัน
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การนำเข้ากระดาษที่ใช้แล้วของจีนสูงขึ้นอีก 5 เท่า ขณะนี้กระดาษใช้แล้วสนองความต้องการด้านเยื่อไม้ของจีนได้เกินกว่าร้อยละ 33 บริษัทรีไซเคิลในเมืองจีน นำกระดาษใช้แล้วเหล่านั้นไปทำเป็นกล่องใส่ของแบบต่างๆ และส่งกลับมาจำหน่ายในประเทศตะวันตก จีนยังส่งผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษที่ผ่านการรีไซเคิลอื่นๆ ออกไปขายต่างประเทศเช่นกัน
คุณไบรอัน สแตฟฟอร์ด ผู้เขียนรายงานของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Forest Trends กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา จีนมีส่วนทำให้การผลิตเกี่ยวกับกระดาษ และกระดาษแข็งในโลกเติบโตขึ้นร้อยละ 50 และว่าอุตสาหกรรมเยื่อกระกาษ และกระดาษของจีนเติบโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่ จนติดอันดับสองของโลก จะเป็นรองก็แต่สหรัฐ และว่าขณะนี้จีนเป็นผู้ใช้ทรัพยากรป่าอย่างเป็นกอบเป็นกำ และถ้าการขยายตัวยังรวดเร็วแบบนั้นต่อไป ย่อมจะก่อให้เกิดแรงกดดันต่อทรัพยากรป่าในภูมิภาค การกำลังเกิดขึ้นแบบนั้นจริงๆ ความต้องการของจีนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ทำด้วยไม้จากป่าก็กำลังสูงขึ้นเช่นกัน
เยื่อไม้ที่จีนนำเข้านั้น ร้อยละ 33 มาจากอินโดนีเซีย และรัสเซีย ตามรายงานของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Forest Trends การจัดการด้านป่าในทั้งสองประเทศนั้นแย่มาก และการลักลอบตัดไม้อย่างดาดดื่น
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Green Peace รายงานว่าบริษัทจีนซึ่งกำลังนำเข้าไม้เนื้อแข็งที่ตกอยู่ในอันตรายว่าจะสูญพันธุ์จากประเทศต่างๆ อย่างเช่น ปาปัวนิวกีนี และอินโดนีเซียนั้นทำเอกสารปลอมขึ้น และลักลอบนำไม้ท่อนซึ่งมีการดัดแปลงรูปลักษณะ เพื่อเลี่ยงกฏหมายที่ห้ามการนำเข้าไม้เหล่านั้น กลุ่ม Green Peace กล่าวด้วยว่า มีการตัดไม้ท่อนให้เป็นแผ่นรูปสี่เหลี่ยมจัสตุรัส และติดฉลากหลอกไว้ว่าเป็นไม้ที่เลื่อยแล้ว ซึ่งสามารถนำเข้าประเทศได้โดยไม่ผิดกฏหมาย
