ผู้ที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินคงจะทราบกันดีว่า เวลานี้สนามบินและสายการบินต่างๆเข้มงวดกวดขันเรื่องการห้ามสูบบุหรี่แค่ไหน สนามบินแต่ละแห่งจะอนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น และผู้โดยสารที่ต้องการจะนำบุหรี่ขึ้นไปสูบบนเครื่องบินนั้น ลืมไปได้เลย
แต่ที่สนามบินเมือง Duesseldorf ประเทศเยอรมันนี กำลังจะเปิดบริการสายการบินใหม่ที่มีชื่อว่า Smoker’s International Airways หรือ Smintair ซึ่งเป็นสายการบินที่ผู้โดยสารสามารถสูบบุหรี่ จิบเหล้าบนเครื่องบินได้โดยไม่มีใครจับ อีกทั้งยังมีคาสิโนเล็กๆไว้คอยบริการอีกด้วย สายการบินที่ว่านี่จะเป็นอย่างไร ราคาเท่าไร
อีกไม่นาน คนที่หลงใหลในควันบุหรี่จากทั่วโลกคงได้เดินทางมาที่สนามบินเมือง Duesseldorf ประเทศเยอรมันนี เพื่อมาลองใช้บริการสายการบินสำหรับผู้สูบบุหรี่บริษัทแรกของโลก สายการบินนี้มีชื่อว่า Smoker’s International Airways หรือ Smintair ก่อตั้งขึ้นโดยนาย Alexander W.Schoppmann นักธุรกิจชาวเยอรมันนีอดีตนายหน้าค้าหุ้น ซึ่งบอกว่าต้องการนำวันคืนเก่าๆที่บรรดาสจ็วตและแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินต่างยิ้มแย้มแจ่มใสและยินยอมพร้อมใจเสริฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้โดยสาร และการสูบบุหรี่ในห้องน้ำยังสามารถกระทำได้ นักธุรกิจผู้นี้บอกว่าปัจจุบันพนักงานบนเครื่องบินต้องการเพียงให้ผู้โดยสารนั่งอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนมาไหน และไม่เรียกร้องขออะไรดื่มกิน
สำหรับเครื่องบินของสายการบิน Smintair ลำแรกนั้น คุณ Schoppmann เผยว่าจะเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 747 เดินทางจากเมือง Duesseldorf ไปยังเมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินลำนี้จะรับผู้โดยสารสูงสุดเพียง 138 คนแทนที่จะเป็น 400 คนเหมือนสายการบินอื่นๆ เพื่อเหลือพื้นที่ว่างให้ผู้โดยสารได้ปลดปล่อยตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ จิบเหล้าที่บาร์ซึ่งจะมีอยู่ 2 แห่งทั้งชั้นบนและชั้นล่าง หรือเล่นพนันในบ่อนคาสิโนขนาดย่อม เรียกว่าเป็นสวรรค์ลอยฟ้ากันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณ Schoppmann บอกว่า Smintair ไม่มีเหมือนสายการบินอื่นๆ ก็คือ ที่นั้งชั้นประหยัด แต่จะมีเพียงชั้นธุรกิจกับชั้น first class เท่านั้น ส่วนสนนราคาค่าโดยสาร จะอยู่ที่ประมาณ 6700 – 14,500 ดอลล่าร์ หรือราว 220,000 – 480,000 บาทเท่านั้นสำหรับตั๋วไป-กลับเยอรมันนี-ญี่ปุ่น ซึ่งก็นับเป็นอีกสายการบินหนึ่งที่เจาะจงให้บริการแต่ลูกค้าระดับสูง สำหรับสาเหตุที่ Smintair เลือกนาโกย่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งแรกนั้น คุณ Schoppmann บอกว่าเหตุผลมี 2 ข้อได้แก่ หนึ่งเป็นเที่ยวบินระยะทางไกลใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอให้ผู้โดยสารหาความสำราญกับควันบุหรี่ได้อย่างเต็มที่ สองคือศักยภาพตลาด เนื่องจากคนญี่ปุ่นวัยทำงานกว่า 30% สูบบุหรี่รวมกับชาวเยอรมันอีกราว 25% จึงเป็นตลาดใหญ่พอสมควร ประกอบกับเมือง Duesseldorf มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ราว 2 หมื่นคนซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ในยุโรป และสำหรับคนที่กังวลว่าหากภายในเครื่องบินจะเต็มไปด้วยควันบุหรี่ถึง 12 ชม. แล้วมนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรนั้น เจ้าของสายการบิน Smintair บอกว่าภายในเครื่องจะมีระบบปรับอากาศกำลังแรงสูงซึ่งจะดูดอากาศจากภายนอกเข้ามาแทนอากาศในเครื่องตลอดเวลา จนอาจจะไม่ได้กลิ่นบุหรี่จากคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยด้วยซ้ำ
ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินแต่อย่างใด แต่สายการบินและประเทศต่างๆต่างนำข้อห้ามนี้มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านผู้ฟังทั้งที่สูบบุหรี่และไม่สูบที่ต้องการจะลองใช้บริการ Smintair นั้น อย่างเพิ่งใจร้อน เพราะเวลานี้ Smintair เพิ่งจะอยู่ในขั้นตอนของการยื่นเรื่องเพื่อขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ และอาจต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้รับการรับรอง และแม้ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินแต่อย่างใด แต่บรรดาสายการบินและประเทศต่างๆต่างนำข้อห้ามนี้มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และยังไม่แน่ชัดว่า สายการบิน Smintair จะได้รับผลกระทบจากกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะฉบับใหม่ของรัฐบาลเยอรมันที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้หรือไม่ รวมทั้งก่อนหน้านี้ แผนธุรกิจของคุณ Schoppmann ถูกโจมตีอย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญการบินและกลุ่มต่อต้านการสูบบุหรี่อย่างไรก็ตาม คุณ Schoppmann ยืนยันว่าหากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี สายการบิน Smoker’s International Airways นี้น่าจะเปิดให้บริการเส้นทาง Duesseldorf - นาโกย่า ได้ในช่วงต้นปีหน้า และหากธุรกิจได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี Smintair มีโครงการที่จะเปิดเส้นทางไปยังสหรัฐอเมริกา กรุงโยฮันเนสเบริ์ก นครซิดนีย์และนครเซา เปาโลในบราซิลต่อไป
